ในปี 2024 เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตที่ 4.9% ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากการประมาณการก่อนหน้า แม้จะเผชิญปัญหาด้านอุปสงค์ภายในประเทศและวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ รายงานของธนาคารโลกระบุว่าการฟื้นตัวในปีนี้ยังคงเปราะบาง โดย GDP ในไตรมาส 3 ขยายตัว 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจีนมีแผนออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 3 ล้านล้านหยวนในปีหน้า แต่การฟื้นตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2025
รัฐบาลจีนกำลังเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือกลุ่มคนยากจนและผู้ประสบปัญหาทางการเงินในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน ด้วยการมอบเงินเยียวยาผ่านรัฐบาลท้องถิ่น มุ่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ หวังพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากการเติบโตที่ชะลอตัว
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2024 ว่า รัฐบาลจีนได้ออกคำสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นแจกจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายสำคัญ อาทิ ผู้ว่างงานที่ไม่มีประกันว่างงาน บัณฑิตที่ยังหางานไม่ได้ ผู้ป่วย และครอบครัวที่เผชิญความลำบากทางการเงิน
การแจกจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของจีนในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ ความต้องการบริโภคภายในประเทศที่ลดลง รวมถึงอัตราการว่างงานในหมู่บัณฑิตจบใหม่ที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากกระทรวงกิจการพลเรือนจีน
ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2024 ระบบประกันการว่างงานของจีนจ่ายเงินไปแล้วกว่า 160,070 ล้านหยวน หรือประมาณ 749,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% จากปีก่อน
ในปี 2024 เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ธนาคารโลกได้ปรับประมาณการการเติบโตของ GDP จีนในปี 2024 ขึ้นเป็น 4.9% และ 4.5% ในปี 2025
ในไตรมาสที่สามของปี 2024 GDP ของจีนขยายตัว 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ จีนได้ปรับประมาณการ GDP สำหรับปี 2023 ขึ้น 2.7% เป็น 129.4 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 17.73 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับความท้าทายจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ การเติบโตของรายได้ครัวเรือนที่ชะลอตัวและราคาบ้านที่ลดลงอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคในปี 2025
เพื่อสนับสนุนการเติบโต รัฐบาลจีนมีแผนออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 3 ล้านล้านหยวนในปีหน้า อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปลายปี 2025
ธนาคารโลกได้รายงานว่าอัตราการลดความยากจนของจีนในปี 2024 ชะลอตัวลง พร้อมคาดการณ์ว่าปี 2025 และ 2026 แนวโน้มดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าการกระตุ้นการบริโภคในภาคครัวเรือนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจในระยะยาว
ที่มา : รอยเตอร์