องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ผ่านการรวมพลังของ 45 องค์กรชั้นนำและรัฐวิสาหกิจ ในงาน "TBCSD Towards a Sustainable Future" ที่จัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ งานนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นเวทีสำหรับผู้นำธุรกิจในการแบ่งปันวิสัยทัศน์และแนวทางปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero อีกด้วย
ภายในงาน ประธาน TBCSD ได้ย้ำถึงเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษขององค์กรในการส่งเสริมธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งนำเสนอความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลักดันธุรกิจไทยสู่มาตรฐาน "องค์กรต้นแบบธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน" นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายอุตสาหกรรมยังได้ร่วมเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
TBCSD หรือ องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของ 45 องค์กรชั้นนำและรัฐวิสาหกิจไทยผู้มุ่งมั่นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้ประกาศความตั้งใจในการผลักดันภาคธุรกิจไทยสู่มาตรฐานใหม่ของธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ด้วยการจัดงาน “TBCSD Towards a Sustainable Future มุ่งสร้างแรงขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน” ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ TBCSD มุ่งเน้นให้ทั้งภาครัฐและเอกชนตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนบทบาทของภาคธุรกิจในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศ เป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับมาตรฐานธุรกิจไทยสู่ “องค์กรต้นแบบธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน” ซึ่งจะนำพาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ภายในงาน นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธาน TBCSD ได้กล่าวถึงเส้นทางกว่า 3 ทศวรรษขององค์กรในการส่งเสริมภาคธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม TBCSD ในฐานะเครือข่ายธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดเครือข่ายหนึ่งของประเทศ มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และผลักดันให้องค์กรธุรกิจไทยก้าวสู่มาตรฐาน “องค์กรต้นแบบธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีช่วงเสวนาพิเศษ "CEO Forum : Leading Sustainable Business" ซึ่งผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืน นำโดยคณะกรรมการบริหาร TBCSD ได้ร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และแนวทางในการยกระดับธุรกิจไทยสู่มาตรฐานใหม่ของธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ดังนี้
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและเลขาธิการ TBCSD ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก และภาคธุรกิจไทยก็มีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหานี้ TBCSD และ TEI ได้ร่วมมือกันในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจไทยสู่ “องค์กรต้นแบบธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน” โดยทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในการกำหนดเป้าหมายและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน นี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของภาคธุรกิจในการร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ นอกจากนี้ TBCSD ยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเร่งด่วนอื่นๆ เช่น PM2.5 ขยะพลาสติก และความหลากหลายทางชีวภาพ
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เน้นย้ำว่า ESG หรือ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจยุคใหม่ องค์กรต้องปรับเปลี่ยนจากการแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว สู่การสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ความรู้ เทคโนโลยี และการเงิน คือกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเฉพาะธุรกิจธนาคาร นอกจากจะต้องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานของตนเองแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยลูกค้าและสังคมเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ธนาคารกสิกรไทยตระหนักถึงบทบาทนี้ จึงมุ่งมั่นดำเนินการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งจากการดำเนินงานของธนาคารเอง และจากการปล่อยกู้หรือการลงทุน ผ่านการตั้งเป้าหมาย Sustainable Financing and investment มูลค่า 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2030 รวมถึงการกำหนด Glidepath and sector strategies และการให้ความช่วยเหลือลูกค้าในการปรับตัว
นอกจากนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุน Climate Solution และการสร้าง Green Ecosystem ผ่านการจัดตั้งบริษัท KOP50 และบริษัทอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนโครงการที่ช่วยให้สังคมเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้คาร์บอนได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายมากมายที่ธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์กำลังเผชิญ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นความยั่งยืนที่ตลาดให้ความสำคัญมากขึ้น นายกฤษฎายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับตัวของภาคธุรกิจ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์ชีวภาพ การจัดหาน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญในการมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
อย่างไรก็ตาม เขามองว่าการมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำคือโอกาสทางธุรกิจ แต่ต้องอาศัยการวางแผนและความร่วมมือตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพราะความสำเร็จของเป้าหมายนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ORI ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด Green Process ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon
ORI เริ่มต้นจาก "Green people" คือการสร้างบุคลากรที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ตามด้วย "Green Partners และ Green Procurement" คือการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลดคาร์บอน และเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุดท้าย "Green Construction" คือการก่อสร้างที่คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ทั้งหมดนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของออริจิ้นที่จะเป็นองค์กรธุรกิจที่ยั่งยืน ภายใต้หลักบรรษัทภิบาลที่ดี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการแสวงหาผลกำไร เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.สผ. ในฐานะบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของไทย มีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ โดยปัจจุบันได้ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ ปตท.สผ. กำลังมุ่งเน้นคือ Carbon Capture and Storage (CCS) ซึ่งมีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ปตท.สผ. กำลังศึกษาและพัฒนาโครงการ CCS ครั้งแรกในประเทศไทย ณ แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ
นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนจากภายในองค์กร ผ่านการดำเนินงานที่ดีและการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์ม CarbonWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือประเมินการกักเก็บคาร์บอนในป่าไม้ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมและ AI ที่ได้รับการรับรองจาก อบก. เป็นรายแรกในประเทศไทย
แพลตฟอร์มนี้เป็นผลจากการต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจดาวเทียมของไทยคม โดยนำข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจโลกมาวิเคราะห์ร่วมกับเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ทำให้การประเมินคาร์บอนในพื้นที่ป่าขนาดใหญ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ รวดเร็ว ตรวจสอบได้ และคุ้มค่ากว่าวิธีดั้งเดิม
CarbonWatch เป็นส่วนหนึ่งของบริการ Earth Insights ของไทยคม ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) ของบริษัท หลังจากได้รับการรับรองแล้ว แพลตฟอร์มนี้จะถูกนำไปใช้งานจริงในพื้นที่ป่าชุมชนของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และไทยคมยังพร้อมที่จะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ต่อไป
TBCSD ได้นำเสนอข้อมูลและแนวทางการยกระดับธุรกิจไทยสู่มาตรฐานองค์กรต้นแบบคาร์บอนต่ำและยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ของประเทศ ผ่านเวที "Move forward Challenges and Directions for Net Zero"
ตัวแทนจากองค์กรสมาชิก TBCSD ซึ่งครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Net Zero
การผนึกกำลังขององค์กรชั้นนำภายใต้ TBCSD ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ความมุ่งมั่นของภาคธุรกิจในการปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด รวมถึงความร่วมมือกับทุกภาคส่วน จะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero และสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต