ความยั่งยืน

"ภาษีคาร์บอน" มาแน่! คาดปีหน้า 2566 ได้ข้อสรุป

12 ก.ย. 65
"ภาษีคาร์บอน" มาแน่! คาดปีหน้า 2566 ได้ข้อสรุป

ตามเทรนด์โลกมาติดๆ! กรมสรรพสามิตเร่งศึกษาแผนเก็บ "ภาษีคาร์บอน" ใน 5 อุตสาหกรรม "ปูน-เหล็ก-อลูมิเนียม-ปุ๋ย-ไฟฟ้า "คาดได้ข้อสรุปในปีภาษี 2566

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพสามิตเตรียมศึกษาแนวทางการจัดเก็บ "ภาษีคาร์บอน" (Carbon TAX) ซึ่งเป็น 1 ในเทรนด์ที่ท้าทายต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินงานของกรมสรรพสามิต หลังจากที่ทั่วโลกต่างเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบจนทำให้ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้มาตรการทางภาษีเป็นตัวขับเคลื่อน 

นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2065

โดยเบื้องต้น กรมสรรพสามิตมีแนวทางในการสนับสนุนการนำเอทานอลบริสุทธิ์มาใช้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) เชื้อเพลิงชีวภาพอากาศยาน (Bio Jet) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตสินค้า และช่วยส่งเสริมให้มีการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สำหรับหลักการในการจัดเก็บภาษีคาร์บอนนั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า จะต้องศึกษาให้ชัดเจน โดยเฉพาะประเทศที่มีการนำมาใช้แล้ว เช่น กลุ่มประเทศยุโรป ที่มีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนในอุตสาหกรรม 5 ประเภท คือ 

1.ปูน
2.เหล็ก
3.อลูมิเนียม
4.ปุ๋ย 
5.ไฟฟ้า 

ส่วนการจัดเก็บภาษีคาร์บอนในอุตสาหกรรม 5 ประเภทนี้ เป็นไปตามมาตรฐานโลก และการจัดเก็บก็ทำได้ 2 รูปแบบ คือ

1.คำนวนจากสินค้าหน้าโรงงาน บริษัทใดผลิตออกมามาก ก็เก็บมาก และ 2. คำณวนจากกระบวนการผลิต ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ซึ่งจะต้องร่วมมือกับองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก ว่าจะมีแนวปฏิบัติอย่างไร 

ทั้งนี้ คาดว่าจะได้เห็นผลการศึกษาออกมาในปีงบประมาณ 2566 (หลังวันที่ 1 ต.ค. 2565)

"การดูแลสิ่งแวดล้อม จะเป็นกติกาใหม่ของโลก ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีการ take action สักเท่าไร แต่ภาษีสรรพสามิตจะเข้ามามีส่วนช่วยได้ โดยกลุ่มประเทศยุโรปได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว หากประเทศไหนมีการส่งออกสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง ก็จะถูกเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งไทยก็ต้องยึดแนวทางปฏิบัติสากล ถ้าปล่อยคาร์บอนสูงจะเก็บภาษีสูง อะไรที่เป็นพลังงานทางเลือก ก็จะเก็บภาษีน้อยมากหรือไม่เก็บภาษีเลย" อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว

นายเอกนิติ ยังกล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพสามิตตั้งเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ที่ 5.67 แสนล้านบาท แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไปบ้าง แต่ก็เป็นผลระยะสั้น ดังนั้น สิ่งที่จะมาช่วยเรื่องรายได้ คือฐานภาษีใหม่ ๆ โดยเฉพาะภาษีสิ่งแวดล้อม

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT