ความยั่งยืน

ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน เมื่อพนักงานรุ่นใหม่หมดไฟ แต่พนักงานรุ่นเก๋ายังแฮปปี้

19 มิ.ย. 67
ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน เมื่อพนักงานรุ่นใหม่หมดไฟ แต่พนักงานรุ่นเก๋ายังแฮปปี้

หากมองไปที่สภาพแวดล้อมการทำงานในปัจจุบัน พบว่าพนักงานรุ่นใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างจากพนักงานรุ่นพี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การทำงานทางไกล (WFH) ได้กลายเป็นเรื่องปกติ ผลการศึกษาจาก Gallup Inc. ชี้ให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงานกำลังขยายตัวขึ้น โดยคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะรู้สึกไม่มีความสุขและเหงาในการทำงานมากกว่าคนรุ่นก่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กรโดยรวม แล้วสถานการณ์ในประเทศไทยล่ะ? เป็นไปได้ไหมว่าพนักงานรุ่นใหม่ในบ้านเรากำลังเผชิญกับปัญหาเดียวกัน?

ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน เมื่อพนักงานรุ่นใหม่หมดไฟ แต่พนักงานรุ่นเก๋ายังแฮปปี้

ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน เมื่อพนักงานรุ่นใหม่หมดไฟ แต่พนักงานรุ่นเก๋ายังแฮปปี้

พนักงานอายุน้อยกำลังเผชิญความยากลำบากในการทำงานมากขึ้น ในขณะที่พนักงานอายุมากกว่ากลับมีผลงานที่ดีขึ้น จากผลการศึกษาจาก Gallup Inc. เผยให้เห็นถึงความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างพนักงานรุ่นใหม่และรุ่นเก๋า โดยพบว่าพนักงานอายุน้อยกว่า 35 ปี มีเพียง 31% เท่านั้นที่ระบุว่ามีความสุขกับการทำงานเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งลดลงจาก 35% ในปีก่อนหน้า ขณะที่พนักงานอายุ 35 ปีขึ้นไป กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 36% ที่มีความสุขกับการทำงาน

ช่องว่างความสุขในการทำงานที่ 5% ระหว่างพนักงานทั้งสองกลุ่มอายุนี้ ถือเป็นช่องว่างที่กว้างที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นอย่างน้อย สถานการณ์ดังกล่าวน่าเป็นกังวลสำหรับบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะสูญเสียผลผลิตมูลค่าสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากพนักงานที่ไม่มีความสุขในการทำงาน รายงานนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ผู้นำที่อายุมากอาจมองเห็นภาพปัจจุบันและอนาคตต่างจากพนักงานรุ่นใหม่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนสองรุ่นในการทำงาน

คนรุ่นใหม่ทำงานแบบ WFH ทั่วโลกเหงาหนัก! ห่างเหินจากบริษัทนายจ้าง

ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน เมื่อพนักงานรุ่นใหม่หมดไฟ แต่พนักงานรุ่นเก๋ายังแฮปปี้

จิม ฮาร์เตอร์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านการจัดการและสุขภาวะในที่ทำงานของ Gallup บอกว่า “เราเห็นอารมณ์ด้านลบที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมถึงความเหงาด้วย” และเสริมว่า “คนรุ่นใหม่ที่ทำงานทางไกล(WFH)รู้สึกเหงากว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำงานในออฟฟิศ และพวกเขาก็รู้สึกห่างเหินจากบริษัทนายจ้างมากขึ้น”

Gallup เผยงานวิจัยชี้คนรุ่นใหม่ที่ทำงานทางไกลทั่วโลกมีแนวโน้มรู้สึกเหงาและห่างเหินจากบริษัทนายจ้างมากขึ้น โดยคุณจิม ฮาร์เตอร์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านการจัดการและสุขภาวะในที่ทำงานของ Gallup ระบุว่า “เราเห็นอารมณ์ด้านลบที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมถึงความเหงาด้วย” และเสริมว่า “คนรุ่นใหม่ที่ทำงานทางไกล(WFH)รู้สึกเหงากว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำงานในออฟฟิศ และพวกเขาก็รู้สึกห่างเหินจากบริษัทมากขึ้น”

รายงานยังเน้นย้ำถึงความแตกต่างในการมองโลกของงานระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร โดยข้อมูลจากการสำรวจพนักงานกว่า 100,000 คนทั่วโลกในช่วงเดือนเมษายน 2566 ถึง มีนาคม 2567 พบว่าพนักงานที่ทำงานทางไกลรายงานความรู้สึกเหงาในระดับที่สูงกว่า นอกจากนี้ งานวิจัยก่อนหน้านี้ของ Gallup ยังชี้ให้เห็นถึงมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากความไม่พึงพอใจในการทำงาน โดยประเมินว่าบริษัทในสหรัฐอเมริกาสูญเสียประสิทธิภาพการผลิตไปถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากพนักงานที่ไม่มีความสุข

ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงานของไทย เป็นอย่างไร

หากพิจารณาจากแนวโน้มการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปในประเทศไทยหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีการนำรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การทำงานทางไกล (WFH) และการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid) มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าพนักงานรุ่นใหม่ในประเทศไทยก็อาจเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยวและความท้าทายในการทำงานเช่นเดียวกันกับพนักงานในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในประเทศไทย เช่น การแข่งขันที่สูงขึ้น ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากนายจ้าง และความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในการทำงาน ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานรุ่นใหม่ได้

ถึงกระนั้น เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนและแม่นยำเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย จำเป็นต้องมีการศึกษาและวิจัยเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานรุ่นใหม่และรุ่นเก๋า รวมถึงผลกระทบของการทำงานทางไกลต่อความรู้สึกโดดเดี่ยวและความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา bloomberg

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT