สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มกบฏที่นำโดยกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) ได้นำกองกำลังบุกเข้ายึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองอเลปโป ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแบบไม่มีใครคาดคิด กองทัพซีเรียเปิดเผยว่ากลุ่มกบฏได้เปิดฉากโจมตีเป็นวงกว้างจากหลายทิศทางในแนวรบรอบเมืองอเลปโปและเมืองอิดลิบ ซึ่งการสู้รบเกิดขึ้นในระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร
ภาพวีดิโอของกลุ่มกบฏที่ยึดครองเมือง ถูกเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ภาพชายติดอาวุธโบกธงของฝ่ายต่อต้านและตะโกนคำว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่” เป็นภาษาอาหรับที่จัตุรัสกลางเมืองอเลปโป และคลิปวีดิโอแสดงให้เห็นกลุ่มกบฏที่ป้อมปราการที่อยู่ใจกลางเมืองอาเลปโปเช่นกัน ในคลิปมีชายติดอาวุธคนหนึ่งประกาศชัยชนะว่าพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงเมืองและเป็นกลุ่มแรกที่พิชิตเมืองอเลปโปได้สำเร็จ
กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียในสหราชอาณาจักร (SOHR) รายงานว่า การโจมตีเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ทำให้มีทหารเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 300 ราย รวมถึงพลเมืองกว่า 20 ราย นับเป็นการบุกโจมตีเพื่อต่อต้านรัฐบาลซีเรียครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งเมืองอเลปโปมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของซีเรีย และไม่เคยเกิดสงครามกลางเมืองในพื้นที่แห่งนี้ นับตั้งแต่ที่กองกำลังรัฐบาลซีเรียช่วยเหลือในการยึดเมืองคืนมาในปี 2016
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏ HTS ประกาศปิดสนามบินและถนนทุกสายในเมือง พร้อมประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง โดยอ้างความปลอดภัยของพลเรือน และชาวเมืองอเลปโปบางส่วนมองว่ากองกำลังทหารซีเรียแทบไม่โจมตีต่อสู้กลุ่มกบฏมากเท่าที่ควร ขณะที่สื่อรัสเซียรายงานว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้ส่งเครื่องบินรบโจมตีกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้านของซีเรียในอเลปโปและอิดลิบเพื่อตอบโต้การรุกคืบของกลุ่มกบฏแล้ว
ด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ประกาศจะพยายามยึดคืนเมืองอเลปโปให้ได้เร็วที่สุด จะปกป้องเสถียรภาพและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียจากผู้ก่อการร้ายและผู้สนับสนุนทุกคน รัฐบาลและกองกำลังทหารซีเรียมีความสามารถในการเอาชนะและกำจัดกลุ่มกบฏ ด้วยความช่วยเหลือจากพันธมิตรและมิตร ไม่ว่าการโจมตีนั้นจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม
สงครามกลางเมืองซีเรียเริ่มต้นขึ้นในช่วงอาหรับสปริงปีค.ศ. 2011 เมื่อรัฐบาลซีเรียพยายามปราบปรามการลุกฮือเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านประธานาธิบดีอัสซาด ประเทศซีเรียจึงเข้าสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบเมื่อกองกำลังกบฏที่รู้จักกันในชื่อกองทัพซีเรียเสรี ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาล
นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงปีค.ศ. 2020 ความขัดแย้งยังคงสงบนิ่ง โดยมีการปะทะกันเพียงเล็กน้อยระหว่างกลุ่มกบฏและกองกำลังทหารรัฐบาลของอัสซาด ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า พลเรือนมากกว่า 300,000 คน เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่าทศวรรษ และผู้คนหลายล้านชีวิต ต้องอพยพออกจากพื้นที่ทั่วทั้งภูมิภาค