โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศสิ่งที่เขาจะทำในวันแรก หลังจากขึ้นรับตำแหน่งในเดือนหน้า มาตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ล่าสุด เขาประกาศผ่านรายการ Meet the Press ของสถานโทรทัศน์ NBC ว่าเขาเตรียมจะพิจารณาการอภัยโทษให้กับผู้สนับสนุนของเขาที่ก่อเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อปี 2021
ทรัมป์ถูกถามโดยพิธีกรว่าเขาจะออกกฎหมายอภัยโทษให้กับประชาชนหลายร้อยคนที่ถูกตัดสินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลในครั้งนั้นหรือไม่ เนื่องจากทรัมป์ถือเป็นคนปลุกปั่นผู้สนับสนุนของเขา ให้บุกเข้าไปในรัฐสภา หลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 โดยเขาตอบว่าการอภัยโทษต่อตัวเขาเองและต่อประชาชนที่เกี่ยวข้องจะมีการพิจารณาคดีแยกกัน แต่เขาจะดำเนินการอภัยโทษผู้สนับสนุนอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นรับตำแหน่ง
ทรัมป์กล่าวให้ความเห็นอกเห็นใจผู้ก่อจลาจลที่ถูกจับกุม ระบุว่า “คุณรู้ไหมว่า พวกเขาถูกจำคุกมาหลายปีแล้ว อยู่ในสถานที่ที่สกปรก น่ารังเกียจ ซึ่งไม่ควรได้รับอนุญาตให้เปิดด้วยซ้ำ พวกเขาเหมือนอยู่ในนรก”
ในระหว่างการสัมภาษณ์ออกอากาศทางโทรทัศน์ NBC เขายังได้กล่าวถึงอีกหลายนโยบายและหลากหลายเช็กลิสต์ที่เขาจะทำเมื่อขึ้นเป็นประธานาธิบดี หนึ่งในประเด็นที่สำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจคือการจัดการกับกลุ่มผู้อพยพ โดยให้คำมั่นว่าเขาจะดำเนินการยุติการให้สัญชาติอเมริกันโดยกำเนิด ซึ่งน่าจะพุ่งเป้าไปที่ทารกที่มีพ่อแม่เป็นต่างชาติ
สำหรับสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิด ถูกนำมาใช้ตั้งแต่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เพิ่มเติมครั้งที่ 14 ซึ่งระบุว่า "บุคคลทุกคนที่เกิด" ในสหรัฐอเมริกา "ถือเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา" โดยทรัมป์กล่าวว่า “เราจะต้องเปลี่ยนแปลงมัน บางทีเราอาจต้องสอบถามประชาชน แต่เราต้องยุติกฎหมายนี้”
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าเขาจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในช่วงหาเสียงของเขา ที่จะสั่งเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย รวมถึงผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นพลเมืองสหรัฐฯ ทั้งนี้ เขากล่าวว่าไม่อยากทำให้ครอบครัวใด ๆ ต้องแตกแตกแยก ดังนั้น วิธีเดียวที่จะไม่ทำให้ครอบครัวแตกแยก คือสหรัฐฯ ต้องส่งพวกเขากลับไปทั้งครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ถูกกล่าวถึงในระหว่างการสัมภาษณ์ ซึ่งนับเป็นการปรากฏตัวต่อสื่อครั้งแรกหลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แน่นอนว่ามีประเด็นของนโยบายต่างประเทศ ที่ทรัมป์ได้เตือนองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO กลาย ๆ ว่า หากชาติสมาชิกไม่จ่ายเงินด้านกลาโหมตามเป้าหมายที่กำหนด สหรัฐฯ ก็อาจจะถอนตัวออกจาก NATO
ขณะที่ประเด็นการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย เม็กซิโกและแคนาดา ที่อาจทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคของชาวอเมริกันสูงขึ้นนั้น ทรัมป์หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม ระบุเพียงแค่ว่า เขารับประกันอะไรไม่ได้ เขาไม่ทราบว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น