ไบเดนอภัยโทษยกเข่ง 39 ราย ลดโทษอีก 1,500 ราย ทิ้งทวนก่อนลงจากตำแหน่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค. 67) ว่า เขาจะอภัยโทษให้กับผู้ต้องขัง 39 คนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมไม่รุนแรงและลดโทษผู้ต้องขังคนอื่น ๆ เกือบ 1,500 คน ซึ่งทุกคนได้รับโทษจำคุกเป็นเวลานาน การประกาศในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขออภัยโทษให้แก่ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขาเอง ซึ่งถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในสองคดีอาญา ทั้งคดีเลี่ยงภาษี และคดีปืน โดยไบเดนออกมาขอให้ประชาชนเข้าใจ เพราะคดีนี้เป็นความล้มเหลวทางกระบวนการยุติธรรม
คอนเทนต์แนะนำ
ไบเดนกล่าวว่า “ในฐานะประธานาธิบดี ผมมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้แสดงความเมตตาต่อผู้คนที่ได้สำนึกผิดและได้รับการเยียวยา โดยคืนโอกาสให้ชาวอเมริกันได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันและมีส่วนสนับสนุนชุมชนของพวกเขา ซึ่งพวกเขาจะได้ก้าวสู่การลดโทษอีกขั้น สำหรับการกระทำความผิดที่ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานคดียาเสพติด”
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้ยกตัวอย่างถึงกรณีผู้ที่รับการอภัยโทษรายหนึ่ง เป็นชายชาวเวอร์จิเนียวัย 49 ปี ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานคดียาเสพติดเมื่ออายุได้ 21 ปี หลังจากพ้นโทษแล้ว เขาได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย มีอาชีพที่ประสบความสำเร็จในกองทัพบกและกองทัพอากาศสหรัฐฯ และยังเป็นอาสาสมัครให้กับองค์กรการกุศลที่ให้การสนับสนุนทหารผ่านศึกอีกด้วย
นอกจากนี้ เขาเปิดเผยว่าเขาจะเดินหน้าเรื่องการอภัยโทษและลดโทษต่อไปอีก ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของไบเดนจะตรวจสอบคำร้องที่มีต่อการลดหย่อนโทษในครั้งนี้ด้วย
ด้านเทียร์รา แบรดฟอร์ด ผู้จัดการโครงการผู้นำด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การลดหย่อนโทษที่เคยประกาศใช้ก่อนหน้านี้ มีไว้สำหรับผู้ที่ถูกกักบริเวณที่บ้านระหว่างการระบาดของโควิด-19 เพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดของไวรัส มากกว่าที่จะเป็นการทำตามคำเรียกร้องของกลุ่มเคลื่อนไหวทางสิทธิมนุษยชนที่มีต่อนักโทษ
สำนักข่าวบีบีซี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนมีประวัติการอภัยโทษให้กับผู้คนน้อยกว่าประธานาธิบดีคนอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เขาเคยอกคำสั่งอภัยโทษแบบเต็มรูปแบบมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ไบเดนได้ออกการอภัยโทษเต็มรูปแบบให้กับผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานครอบครองกัญชา และต่อมาได้ขยายขอบเขตการอภัยโทษให้รวมถึงความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาด้วย
