ปี 2567 หรือ 2024 เป็นอีกหนึ่งปีที่สถานการณ์รอบโลกวุ่นวาย เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆขึ้นมากมายที่ล้วนส่งผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ทีมข่าว Spotlight World สรุป 5 เหตุการณ์ข่าวใหญ่ของต่างประเทศมาฝาก
1. เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ทรัมป์ทวงบัลลังก์
โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน กลับมาลงเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2024 โดยเขากลับมาเป็นตัวแทนพรรคได้อีกครั้ง ท่ามกลางข้อกล่าวหาและคดีความมากมาย อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งระบุว่า ทรัมป์คว้าชัยชนะไปได้ กวาดคะแนนในรัฐสวิงสเตทอย่างถล่มทลาย เอาชนะคู่แข่งอย่างกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต
หลังการเลือกตั้ง ทรัมป์ได้ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนและกล่าวว่า อเมริกาต้องการการเยียวยา และเขาจะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ พร้อมประกาศว่า นี่คือชัยชนะของชาวอเมริกันที่จะทำให้ประเทศยิ่งใหญ่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อทรัมป์กลับมาอีกครั้ง นานาชาติเป็นกังวล เพราะเกรงว่า นโยบายที่มุ่งเน้นอเมริกามาก่อน จะทำให้ต่างชาติมีปัญหา โดยทรัมป์ขู่ที่จะขึ้นภาษีจีน และอีกหลายชาติ
2. สงครามยูเครน สมรภูมิที่ยืดเยื้อ
กุมภาพันธ์ปี 2025 ที่กำลังจะมาถึง สงครามยูเครนจะดำเนินมาครบ 3 ปีเต็ม แต่ในปี 2024 ที่ผ่านมา มีจุดเปลี่ยนต่างๆมากมายเกิดขึ้นกับสงครามยูเครน สิ่งที่สำคัญคือการที่ชาติพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ตัดสินใจอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อโจมตีดินแดนรัสเซียได้
สหรัฐฯสนับสนุนระบบยิงขีปนาวุธยุทธวิธีกองทัพบก หรือ ATACMS ซึ่งมีพิสัยยิงได้สูงสุดถึง 300 กิโลเมตร มีความเร็วสูง ยากต่อการสกัด แม้อาจจะไม่ได้เป็นตัวเปลี่ยนเกมเสียทีเดียว แต่ก็อาจจะช่วยทำให้ยูเครนซื้อเวลาได้เพิ่มขึ้น หรือจะเป็นอังกฤษที่ส่งมอบ Storm Shadow ขีปนาวุธที่มีพิสัยการยิงไกลถึงราว 250 กิโลเมตร
อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญคือการที่คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ลงนามสนธิสัญญาทางทหารร่วมกันที่กรุงเปียงยางเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งในรายละเอียดระบุเอาไว้ถึงการให้คำมั่นของทั้งสองประเทศที่จะให้ความช่วยเหลือทางการทหาร ในกรณีที่รัสเซียและเกาหลีเหนือถูกโจมตี
นับจากทั้งสองฝ่ายลงนามข้อตกลงร่วมกันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งเกาหลีเหนือและรัสเซียก็ได้ยกระดับความร่วมมือทางการทหารไปสู่ขั้นสูงสุด โดยสหรัฐฯยืนยันว่า ทหารเกาหลีเหนือมากถึง 1 หมื่นนายถูกส่งไปยังภูมิภาคเคิร์สค์ พรมแดนทางตะวันตกของรัสเซีย
3. สงครามอิสราเอลยังคงเดือด ทำตะวันออกกลางตึงเครียด
2024 เป็นปีที่สงครามในอิสราเอลยังคงดุเดือด โดยนับจากเกิดการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ไม่เพียงแต่เกิดสงครามในอิสราเอล แต่ยังทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคขยายวงกว้างขึ้น เมื่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเปิดฉากโจมตีอิสราเอลจากชายแดนทางตอนใต้ของเลบานอน ขณะที่กลุ่มกบฏฮูธีในเยเมนก็เริ่มปฏิบัติการตอบโต้ในนามของปาเลสไตน์ ทั้งฮิซบอลเลาะห์และฮูธีได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งเพิ่มความกังวลว่า สงครามนี้อาจกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาคในอนาคต
สถานการณ์เริ่มน่าเป็นกังวลหลังเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา อิหร่านได้โจมตีอิสราเอลด้วยมิสไซล์ครั้งใหญ่ แต่การป้องกันของอิสราเอลสามารถขัดขวางการโจมตีได้เกือบทั้งหมด ทำให้ความเสียหายไม่มาก การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลโจมตีเลบานอนอย่างหนักเพื่อยึดคืนพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศที่ถูกฮิซบอลเลาะห์โจมตีต่อเนื่อง และการโจมตีของอิสราเอลทำให้ นัซรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์เสียชีวิต ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้จากอิหร่าน หลังจากนั้น อิสราเอลตัดสินใจโจมตีอิหร่านคืน โดยพุ่งเป้าได้โจมตีไปที่โรงงานผลิตขีปนาวุธ
4. ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศอัยการศึก
ประธานาธิบดียุน ซอกยอล แห่งเกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึกและสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ โดยแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในช่วงเวลา 23 นาฬิกาของวันอังคารที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า โดยอ้างว่าพรรคฝ่ายค้านให้ความเห็นอกเห็นใจแก่เกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายรัฐ
อย่างไรก็ตาม กฎอัยการศึกประกาศใช้ได้อยู่เพียงแค่ 6 ชั่วโมง เพราะสมาชิกสภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้ได้ลงมติโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วเมื่อเวลา 01.00 ของวันที่ 4 ธันวาคมตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23 นาฬิกาของวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย โดย 190 จากทั้งหมด 300 เสียง โหวตสนับสนุนการยกเลิกกฎอัยการศึก และในเวลา 04.30 น. ยุนก็ได้ออกมาประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้น ในวันที่ 14 ธันวาคม รัฐสภาเกาหลีใต้ได้ลงมติถอดถอนประธานาธิบดียุนออกจากตำแหน่ง เพราะมองว่า เขาประกาศกฎอัยการศึกโดยไม่มีเหตุผล และระงับการปฏิบัติหน้าที่ทันที ขณะที่นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อกซู จะทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีแทน
มติถอดถอนดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นผู้วินิจฉัยว่ายุนจะกลับมาดำรงตำแหน่งได้หรือจะถูกถอดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่า การวินิจฉัยนี้อาจจะกินเวลาหลายเดือน แต่นอกจากการถูกถอดถอนจากตำแหน่งแล้ว ยุนยังถูกสอบสวนจากรอบทิศทางในข้อหากบฏด้วย
5. กลุ่มกบฏยึดซีเรีย เปลี่ยนระบอบการปกครอง
หลังจากระบอบอัล อัสซาด ปกครองซีเรียมาอย่างยาวนานทั้งรุ่นพ่อและรุ่นลูก ในเดือนธันวาคม 2024 กองกำลังฝ่ายกบฏฮายัต ตาห์รีร์ อัลชาม ก็สามารถยึดกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียได้สำเร็จ และประกาศว่ากรุงดามัสกัสเป็นอิสระจากการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด หลังจากกองกำลังรัฐบาลล่าถอยออกจากเมือง ส่วนประธานาธิบดีอัล-อัสซาดได้ลี้ภัยไปยังรัสเซีย
กลุ่มกบฏฮายัต ตาห์รีร์ อัลชาม ได้แต่งตั้งให้นายโมฮัมเหม็ด อัล-บาชีร์ เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการแห่งซีเรีย โดยบาชีร์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ซีเรียว่าเขาจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซีเรีย ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 1 มีนาคม ปี 2025 โดยอ้างความมั่นคงและความสงบของชาวซีเรียเป็นสำคัญ
นี่ไม่ใช่เพียงการสู้รบเพื่อโค่นล้มเผด็จการ เพราะตระกูลอัล อัสซาดปกครองประเทศมาอย่างยาวนานกินเวลากว่า 50 ปี เพราะฮาเฟซ อัล อัสซาด บิดาของบาชาร์ อัล อัสซาด ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 1971 ก่อนที่จะส่งต่ออำนาจให้บาชาร์ อัล อัสซาดในปี 2000
ในช่วงที่บาชาร์ อัล อัสซาดปกครอง เริ่มเกิดสงครามกลางเมืองรุนแรงเมื่อปี 2011 หลังจากลุกฮือของอาหรับสปริง ส่งผลทำให้ชาวซีเรียหลายล้านคนถูกบังคับให้หนีออกจากประเทศ และตามรายงานของ UNHCR ระบุว่าซีเรียต้องเผชิญกับวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในโลก โดยประเมินว่ามีชาวซีเรียประมาณ 6.6 ล้านคนที่ถูกบังคับให้ต้องหลบหนีจากบ้านตั้งแต่ปี 2011