Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ที่สุดแห่งปี "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้งปี 2024 เตรียมผงาดใน 2025
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ที่สุดแห่งปี "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้งปี 2024 เตรียมผงาดใน 2025

1 ธ.ค. 67
07:25 น.
|
328
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

“โดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับยกย่องให้บุคคลแห่งปีจากนิตยสารไทม์ประจำปี 2024 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองแล้ว ที่เขาได้ขึ้นปกในฐานะผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เนื่องด้วยการผงาดคืนบัลลังก์ทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ เอาชนะ ‘กมลา แฮร์ริส’ จากพรรคเดโมแครตได้อย่างขาดลอย Spotlight ชวนมาย้อนดูเหตุการณ์น่าสนใจในปี 2024 กันว่านักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลวัย 78 คนนี้ เดินเกมการเมืองชิงพื้นที่สื่อและชูนโยบายหาเสียงตรงใจชาวอเมริกันอย่างไร และมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เขาคืนทำเนียบขาวได้อย่างสวยงาม

เปิดตัวต้นปี ขึ้นชื่อว่า “มีความผิดอาญา”

ในช่วงต้นปี 2024 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญา กรณีที่เขาจ่ายเงินปิดปาก "สตอร์มี แดเนียลส์" นักแสดงหนังผู้ใหญ่ที่เคยมีสัมพันธ์ด้วย หลังจากการไต่สวนคดีเป็นเวลา 7 สัปดาห์ คณะลูกขุนในนครนิวยอร์ก มีมติเป็นเอกฉันท์ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มีความผิดในความผิดอาญาทั้ง 34 กระทง ฐานปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจเพื่อจ่ายเงินปิดปากให้กับนักแสดงคนดังกล่าว ส่งผลให้ทรัมป์ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีคดีอาญาติดตัว ซึ่งทรัมป์อาจต้องโทษจำคุกระหว่าง 1-7 ปี หรืออาจถูกกักบริเวณ

โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงต่อสื่อมวลชน หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีเงินปิดปาก โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงต่อสื่อมวลชน หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีเงินปิดปาก

ทั้งนี้ ผลการพิจารณาคดีทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะขาดคุณสมบัติในการลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯกำหนดไว้ว่า ประธานาธิบดีจะต้องเป็นบุคคลที่มีอายุอย่างน้อย 35 ปี เป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยกำเนิด และอาศัยอยู่ในประเทศนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 14 ปี ซึ่งทรัมป์มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ทั้งหมด อีกทั้งรัฐธรรมนูญไม่ได้มีข้อห้ามให้นักโทษหรือผู้เคยมีความผิดทางอาญาลงสมัครรับตำแหน่งหรือชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จึงมีความชอบธรรมในการลงเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนในปี 2024

แม้จะถูกตัดสินความผิด ทรัมป์ก็เดินสายหาเสียงตั้งแต่ต้นปี เขายังให้สัมภาษณ์สื่อด้วยว่าการพิจารณาคดีครั้งนี้ถูกแทรกแซงและไม่เป็นธรรม และเขาจะเดินหน้าหาเสียงต่อไปแม้จะอยู่ในเรือนจำ หรือกักบริเวณที่บ้าน เขาจะเดินหน้าแคมเปญหาเสียงเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งในปีนี้ให้ได้ 

จากวิกฤตสู่โอกาส: เมื่อเหตุลอบยิงพลาด จึงเป็นซีนของฮีโร่

ขยับมาที่เดือนกรกฎาคม เกิดเหตุไม่คาดคิดที่ครองพื้นที่สื่อไปทั่วโลก เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิงขณะขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรครีพับลิกัน ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย มือปืนจากฝั่งผู้ฟังปราศรัยลอบยิงขึ้นไปบนเวที ตามด้วยเสียงปืนอีกหลายนัด แต่เคราะห์ดีที่กระสุนเฉียดใบหูด้านขวาของอดีตผู้นำสหรัฐฯ เขาเอามือจับหูและย่อตัวลง ทำให้ผู้คุ้มกันเข้ามาล้อมตัวเพื่อพาเขาลงจากเวทีไปยังที่ปลอดภัย นาทีนั้นเอง ทรัมป์ชูกำปั้นขึ้นเพื่อสื่อสารกับผู้สนับสนุนว่าเขายังอยู่ดี และมีความหมายกลาย ๆ ถึงการต่อสู้ นับว่าเป็นซีนประหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทรัมป์เป็นฮีโร่อันเข้มแข็งในเรื่องนี้ ซึ่งน่าจะได้ใจผู้สนับสนุนอย่างมาก 

โดนัลด์ ทรัมป์ชูกำปั้น หลังถูกลอบยิงกระสุนทะลุใบหู ผู้ดูแลความปลอดภัย พาตัวโดนัลด์ ทรัมป์ ลงจากเวทีปราศรัย

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ภายในวันนั้น แถลงการณ์จากทีมหาเสียงของทรัมป์ระบุว่า อดีตประธานาธิบดี “ปลอดภัย” และกำลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลในพื้นที่หลังจากนั้น แต่โชคร้ายที่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ 1 คน และบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 2 คน ด้านทีมเอฟบีไอสามารถยิงตอบโต้ผู้ก่อเหตุในอาคารที่อยู่ใกล้เวทีปราศรัย และเปิดเผยชื่อคือ นายโธมัส แมทธิว ครุกส์ ชายชาวอเมริกันวัย 20 ปี โดยไม่ได้เปิดเผยแรงจูงใจในการก่อเหตุ

ภาพเหตุการณ์ทรัมป์ถูกลอบสังหาร ครองพื้นที่สื่อในอเมริกาและทั่วโลก

เหตุการณ์ลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2024 ยังไม่จบแค่นี้ เพียง 2 เดือนหลังจากเหตุลอบยิงครั้งแรก เอฟบีไอ เปิดเผยภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุ เป็นกระเป๋าเป้ 2 ใบ กล้องโกโปร และปืน AK-47 ซุกซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ ใกล้สนามกอล์ฟ Trump International Golf Club ห่างจากรีสอร์ท Mar-a-Lago ของทรัมป์ ไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งขณะที่ หน่วยตำรวจลับสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบพื้นที่สนามกอล์ฟที่ทรัมป์กำลังจะเดินทางมาเล่น เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นปากกระบอกปืนยื่นออกมาจากบริเวณพุ่มไม้ จึงยิงปืนอย่างน้อย 4 นัดไปที่ผู้ต้องสงสัย จากนั้นผู้ต้องสงสัยจึงทิ้งปืนไรเฟิลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ ก่อนจะขึ้นรถหลบหนีไป แต่เจ้าหน้าที่สกัดไว้ได้สำเร็จ เป็นอีกครั้งที่ทรัมป์รอดปลอดภัยไปได้อย่างหวุดหวิด

จนกระทั่ง 3 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ยังมิวายที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะถูกลอบยิงเป็นครั้งที่ 3 ของปี 2024 ในวันที่ 12 ตุลาคม ทรัมป์มีกำหนดจะขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองโคเชลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย นายอำเภอรีเวอร์ไซต์เคาน์ตี้ ประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่าเขาเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ป้องกันการลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ โดยได้จับกุมชายคนหนึ่งใกล้กับเวทีหาเสียงของทรัมป์ เนื่องจากชายคนดังกล่าวพกอาวุธปืน 2 กระบอกพร้อมบรรจุกระสุน หนังสือเดินทางหลายเล่ม และป้ายทะเบียนรถปลอม อย่างไรก็ตาม การจับกุมดังกล่าวไม่กระทบต่อแผนการขึ้นหาเสียงและความปลอดภัยของทรัมป์

หวนคืนทำเนียบขาว เอาชนะแบบขาดลอย

ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์เดินเกมอย่างเข้มข้น ชูนโยบาย America First หรือ ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ อีกครั้ง โดยทรัมป์จี้ใจคนอเมริกันได้ถูกจุด แม้ในช่วงนี้อัตราการว่างงานในสหรัฐฯจะอยู่ในระดับต่ำและตลาดหุ้นกำลังเฟื่องฟู แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ค่อยดีนัก เพราะต้องจ่ายเงินให้ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน ซึ่งทรัมป์สร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจให้กับคนในประเทศได้ โดยเขาสัญญาจะดูแลปากท้องของคนอเมริกัน ด้วยการแก้เกมเศรษฐกิจที่อเมริกาอยู่ในสงครามการค้ากับจีนนั่นเอง 

การประกาศจะกำจัดผู้อพยพผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้ามาในสหรัฐฯ ด้วยท่าทีอันแข็งกร้าว รวมถึงการโจมตีคด้วยข่าวปลอมที่ว่าผู้อพยพขโมยสัตว์เลี้ยงของคนอเมริกัน และกินสุนัข ทวีความหวาดกลัวและสร้างอคติให้กับหลายชุมชนเป็นอย่างมาก แต่ก็สะท้อนว่าปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันมองว่าเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชุมชน สร้างความไม่ปลอดภัย และแย่งงานคนในประเทศ การประกาศข่มขู่เม็กซิโก ยุโรปและแอฟริกาให้จัดการผู้อพยพที่ต้นทาง และแผนการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ จึงเรียกคะแนนเสียงจากชาวอเมริกันได้ไม่น้อย 

โดนัลด์ ทรัมป์พร้อมครอบครัวและทีมหาเสียงรีพับลิกัน ขึ้นเวทีประกาศชัยชนะการเลือกตั้งฯ ปี 2024 ลีลาของโดนัลด์ ทรัมป์พบนเวทีหารประกาศชัยชนะการเลือกตั้งฯ ปี 2024 กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ออกมาเฉลิมฉลองชัยชนะ

การแข่งขันท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ มีคู่แข่งมาแรงอย่าง ‘กมลา แฮร์ริส’ ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตที่มาแทนโจ ไบเดนกะทันหัน แม้จะเป็นมือใหม่ทางการเมืองแต่ก็ทำให้ผู้สนับสนุนเดโมแครตใจชื้นขึ้นมาได้ รวมถึงโพลหลายสำนักก็มองว่า ผลการเลือกตั้งในครั้งอาจสูสีกันได้ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด ในเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน  โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน ขึ้นเวทีประกาศชัยชนะต่อหน้าผู้สนับสนุนที่เวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา พร้อมเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา และครอบครัว รวมถึงเจ ดี แวนซ์ คู่ชิงรองประธานาธิบดี และทีมงานหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งขณะนั้น พรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในรัฐสวิงสเตทไปได้ทั้งหมด 3 รัฐ และรัฐอื่น ๆ ก็มีคะแนนนำ ทำให้เป็นผลชี้ชัดอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า ทรัมป์จะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนที่ 47 ถือเป็นการคัมแบ็กอย่างสมศักดิ์ศรี

กมลา แฮร์ริสปลุกใจผู้สนับสนุนให้มีความหวัง หลังพ่ายแพ้ให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตร่ำไห้ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอย

ปั้นทีมรัฐบาล สร้างเซอร์ไพรส์ให้ “ทรัมป์ 2.0”

หลังจากที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ เตรียมเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งในวันที่ 20 มกราคมนี้ ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง เขาได้สร้างความประหลาดใจให้กับสื่อมวลชนในประเทศและแม้แต่หน่วยงานต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เอง โดยเฉพาะการสรรหาบุคคลใหม่ ๆ มานั่งเก้าอีประจำกระทรวงต่าง ๆ ในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ไม่ว่าจะเป็นการประกาศดันหลัง ‘พีท เฮกเซธ’ พิธีกร Fox news ผู้ภักดีต่อทรัมป์ ให้ขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ไปจนถึงการขู่ไล่ ‘คริสโตเฟอร์ เรย์’ หัวหน้าเอฟบีไอให้พ้นจากตำแหน่งก่อนกำหนด และเอา ‘แคช ปาเทล’ ขึ้นแทน เนื่องจากอาจไม่พอใจที่เรย์พาทีมบุกค้นรีสอร์ทของเขาเพื่อค้นหาเอกสารลับที่ทรัมป์นำออกจากทำเนียบขาวโดยพละการ

สำหรับตำแหน่งที่สร้างความฮือฮามากที่สุด คือการประกาศจะแต่งตั้งอีลอน มัสก์ ในตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ร่วมกับ ‘วิเวก รามาสวามี’ มหาเศรษฐีผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อปูทางให้รัฐบาลของทรัมป์ สามารถรื้อถอนระบบราชการ ลดกฎระเบียบที่มากเกินไป ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง

‘พีท เฮกเซธ’ พิธีกร Fox news ผู้ภักดีต่อทรัมป์ อีลอน มัสก์ พาโดนัลด์ ทรัมป์ เยี่ยมชมห้องควบคุมการทดลองปล่อยยาน SpaceX

นโยบายต่างประเทศ “ดุดันไม่เกรงใจใคร”

ยังไม่ทันที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่การประกาศจะจัดการปัญหาต่าง ๆ กับองค์กรระหว่างประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน มหาอำนาจขั้วตรงข้าม หรือแม้แต่ชาติพันธมิตรและประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ยังต้องสั่นสะเทือนกับท่าทีที่ดุดันของทรัมป์ เริ่มต้นจากการขู่จะถอนสหรัฐฯ ออกจากสมาชิกนาโต (NATO) เนื่องจากหลายประเทศสมาชิกไม่สามารถจ่ายเงินสนับสนุนทางการทหาร 2% ของ GDP ได้ตามที่ตกลงกันไว้ และด้วยนโยบาย ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ จึงเป็นการบอกทางอ้อมว่าอเมริกาจะไม่เป็น ‘เดอะแบก’ อีกต่อไป

นอกจากความเคลื่อนไหวด้านความมั่นคงในระดับนานาชาติแล้ว การรักษาผลประโยชน์ทางการค้าให้กับประเทศ ทรัมป์ก็ไม่เกรงใจใครเช่นกัน ไม่ว่าจะขู่ขึ้นภาษีนำเข้ามหาโหด  ทั้งประกาศว่าจะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีน 60% สินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ราว 10% โดยโหวตเตอร์ส่วนใหญ่ของทรัมป์มองว่า กำแพงภาษีจะเป็นประโยชน์กับสหรัฐฯ แต่นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกหลายคนวิเคราะห์ว่าอาจะเป็นดาบสองคมให้กับสหรัฐฯ เอง 

การเคลื่อนไหวของทรัมป์ในช่วงนี้ ก็ชวนให้หลายประเทศขมวดคิ้วกันยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการขู่ยึดคลองปานามาคืนเพราะไม่พอใจเรื่องค่าธรรมเนียมผ่านทางเดินเรือ การประกาศจะให้ดินแดนแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา และประกาศจะยึดกรีนแลนด์ ดินแดนเหนือสุดบนโลกใบนี้ ซึ่งปัจจุบันเป็นดินแดนภายใต้การปกครองของเดนมาร์ก เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและเสรีภาพโลก ทำให้ผู้นำหลายประเทศที่ดินแดนถูกกล่าวอ้างถึง ต่างออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงต่อไอเดียสุดโต่งของทรัมป์

ชาวปานามาเผารูปทรัมป์ ตอบโต้ที่เขาประกาศจะยึดคลองปานามา ภาพของทรัมป์โดนเผา ตอบโต้ที่ขู่จะยึดคลองปานามา

ชัยชนะของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากการความวุ่นวายทางการเมืองที่เขาก่อขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยุยงให้ผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภา เนื่องจากเขาปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่แพ้ให้กับโจ ไบเดน จนเกิดเป็นคดีความแก่ตัวเขาเองและผู้ก่อเหตุจลาจลมาจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่นับรวมคดีความต่าง ๆ ที่เขาเข้าไปพัวพัน จะเข้ามาเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือไม่ ที่จะเป็นเส้นทางอนาคตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ตามที่เขาหาเสียงไว้กับคนอเมริกัน ทั่วโลกจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นในเร็ว ๆ นี้

แชร์
ที่สุดแห่งปี "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้งปี 2024 เตรียมผงาดใน 2025