ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับรูปแบบการปกครองที่อำนาจกระจุกตัว หรือ "คณาธิปไตย" กำลังก่อตัวขึ้นในสหรัฐอเมริกา ขณะกล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งประธานาธิบดี ปิดฉากอาชีพทางการเมืองที่ยาวนานหลายทศวรรษ
ไบเดนระบุว่า ทุกวันนี้ คณาธิปไตยกำลังก่อร่างสร้างอิทธิพล พลัง ความมั่นคั่ง ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย รวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและเสรีภาพ โดยไบเดนยังได้วิพากษ์วิจารณ์ "กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มั่งคั่งมหาศาล" ซึ่งเขากล่าวว่า อาจใช้อำนาจที่ไม่ได้รับการตรวจสอบเข้าควบคุมชีวิตของชาวอเมริกัน
ไบเดนยังใช้โอกาสในสุนทรพจน์อำลาทางโทรทัศน์ครั้งสุดท้ายจากทำเนียบขาว เพื่อเตือนถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบิดเบือนข้อมูลบนโซเชียลมีเดียอีกด้วย
โดยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไบเดนกล่าวว่า มีกลุ่มอำนาจที่ทรงพลังต้องการใช้อิทธิพลที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ เพื่อล้มล้างความก้าวหน้าที่รัฐบาลได้สร้างไว้ในการแก้ไขวิกฤตภูมิอากาศ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ส่วนตัวด้านอำนาจและผลกำไร ส่วนในประเด็นการบิดเบือนข้อมูล ไบเดนเตือนว่า ชาวอเมริกันกำลังถูกถล่มด้วยข้อมูลผิดๆและการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งเปิดทางให้เกิดการใช้อำนาจในทางที่ผิด
ประธานาธิบดีไบเดนอออกมาสรุปถึงรายละเอียดของข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาสเมื่อค่ำวันพุธที่ผ่านมา โดยเขาเปิดเผยว่า เขาและทรัมป์ได้ทำงานร่วมกันในการปิดดีลข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อการแถลงข่าวจบลง ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครควรจะได้รับเครดิตจากข้อตกลงนี้ ไบเดนหรือทรัมป์? ซึ่งไบเดนหันกลับมาถามว่า “ล้อเล่นหรือเปล่า?” ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ด้านทรัมป์โพสต์ข้อความลงใน Truth Social โซเชียลมีเดียของเขาว่า ข้อตกลงอัน "ยิ่งใหญ่" นี้เป็นไปได้ เพราะเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะมันส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่า รัฐบาลของเขามุ่งหวังสันติภาพและเจรจาข้อตกลงเพื่อรับรองความปลอดภัยของชาวอเมริกันและชาติพันธมิตร
รายงานระบุว่า ตัวแทนของไบเดน และตัวแทนของไบเดนได้อยู่ที่กรุงโดฮา ของกาตาร์ ในขณะที่การเจรจาใกล้เสร็จสิ้น และเมื่อข้อตกลงหยุดยิงนี้ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการ จะช่วยเปิดโอกาสให้ไบเดนปิดฉากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาด้วยความสำเร็จ และทำให้เขาบรรลุข้อตกลงที่เขาต้องการมาตลอด รวมถึงสร้างสิ่งที่เรียกว่า “มรดก” ด้านนโยบายต่างประเทศของเขา
ส่วนทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันจันทร์ที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ทรัมป์ได้รับประโยชน์จากสันติภาพที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางอย่างเต็มที่
ทรัมป์อาจจะได้รับประโยชน์จากความสำเร็จทางการเมืองที่เกิดจากสันติภาพในตะวันออกกลางอย่างเต็มที่ แต่เขาจะต้องรับภาระและความเสี่ยงจากการดำเนินการข้อตกลงที่ซับซ้อนนี้เช่นกัน