เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 กุมภาพันธ์) รัฐบาลทหารเมียนมาได้นำบ้านพักริมทะเลสาบของออง ซาน ซู จี อดีตผู้นำประชาธิปไตย ออกประมูลเป็นครั้งที่สาม แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง เพราะไม่มีใครเสนอราคาซื้อตามราคาขั้นต่ำ
บ้านดังกล่าวเป็นพักสองชั้น ตั้งอยู่ในนครย่างกุ้ง บนที่ดินประมาณ 1.9 เอเคอร์ หรือเกือบ 5 ไร่ ถูกตั้งราคาขั้นต่ำไว้ที่ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 4,718 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บ้านหลังนี้ตกเป็นข้อพิพาทระหว่าง ออง ซาน ซู จี กับพี่ชายของเธอ เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ บ้านพักดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบแห่งนี้ มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ออง ซาน ซู จีเคยถูกกักบริเวณเป็นเวลาหลายปีในช่วงการปกครองของรัฐบาลทหารก่อนหน้านี้ และนับตั้งแต่การรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 เธอก็ถูกจับกุม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารเมียนมาไม่สามารถขายบ้านพักริมทะเลสาบของออง ซาน ซูจีได้อีกครั้ง เพราะไม่มีผู้เสนอราคาซื้อแม้แต่รายเดียว โดยการประมูลจัดขึ้นบริเวณหน้าบ้านพักเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีผู้สื่อข่าวราวสิบคนเข้าร่วมสังเกตการณ์ ท่ามกลางการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงนอกเครื่องแบบ
บ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับสถานทูตสหรัฐฯ ถูกตั้งราคาขั้นต่ำไว้ที่ 297,000 ล้านจ๊าต แต่เมื่อไม่มีผู้ใดยื่นเสนอราคา ผู้ดำเนินการประมูลได้ประกาศยุติการขาย หลังจากเรียกประมูลสามครั้ง
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารพยายามเปิดประมูลทรัพย์สินดังกล่าวมาแล้วในเดือนมีนาคมและสิงหาคมปีที่แล้ว แต่ก็ไม่มีคนซื้อเช่นเดียวกัน
เมียนมาในเวลานี้กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ อันเกิดจากสงครามกลางเมือง หลังการรัฐประหารในปี 2021 และยังไม่ทราบว่า จะมีใครในเมียนมาที่ยอมทุ่มเงินถึงขนาดนั้น ซื้อบ้านเพียงหลังเดียว ที่มีสภาพทรุดโทรมลงเรื่อยเรื่อย
ด้านตัวแทนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ขนาดใกล้เคียงกันในพื้นที่หรูของย่างกุ้ง มีมูลค่าเพียง 1-2 ล้านดอลลาร์ เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลทหารตั้งไว้หลายเท่าตัว
บ้านหลังนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของเมียนมา เพราะออง ซาน ซู จี ถูกกักบริเวณที่นี่เป็นเวลาราว 15 ปี หลังจากเธอออกมานำการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 1988
และในขณะนี้ ออง ซาน ซูจี อายุ 79 ปี กำลังถูกจำคุกเป็นเวลา 27 ปี โดยถูกกล่าวหาหลายข้อหา ตั้งแต่การทุจริตไปจนถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎการควบคุมเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19