นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะฯ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดการเข้าพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในวาระวันครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ นายกฯแพทองธารยังมีแผนเดินทางต่อไปยังนครฮาร์บิน เพื่อเข้าชมการแข่งขันให้กำลังใจนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาวในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้ชาย ระหว่าง ทีมชาติไทย-ทีมชาติจีน รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้
Spotlight ชวนอ่านไฮไลต์ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กับ ผู้นำสูงสุดของจีน คณะรัฐบาล ตลอดจนภาคธุรกิจ ในการไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวว่าจีนและไทยควรจะเพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และขยายความร่วมมือเพื่อรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก และให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมกรุงเทพมหานครและเมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เพื่อขนส่งผู้คนและสินค้าได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ข้อมูลของการรถไฟแห่งประเทศไทยระบุว่า เส้นทางรถไฟความเร็วสูงจะวิ่งจากกรุงเทพฯ ที่สถานีกลางบางซื่อไปที่ประเทศลาว และเข้าสู่ประเทศจีน โดยเส้นทางในไทยจะมี 11 สถานี ผ่าน 8 จังหวัด ระยะทางทั้งหมด 606 กม. โดยรัฐบาลไทยจะดำเนินการก่อสร้างและออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด เป็นเงินมูลค่า 405,700 ล้านบาท
ส่วนฝ่ายจีนจะเข้ามาดูแลในเรื่องการออกแบบและวางระบบรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ ความเร็วสูงในไทยได้มีการเริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการในปี พ.ศ. 2573 และเปิดใช้บริการในปีถัดไป ล่าสุด ครม. มีมติอนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะที่ 2 แล้ว ซึ่งจะเป็นการก่อสร้างเส้นทางในช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ในวงเงินกว่า 3.4 แสนล้านบาท
สี จิ้นผิง กล่าวว่ารัฐบาลจีนชื่นชมมาตรการของไทยในการปราบปรามการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานของทั้งสองประเทศออกมาตรการเสริมสร้างการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ด้านนายกรัฐมนตรีแพทองธารให้คำมั่นว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับจีนในการปราบปรามกิจกรรมทางอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด
การเจรจาในประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานด้านความมั่นคงของจีน เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. กลาโหม เกี่ยวกับความมั่นคงและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงการช่วยเหลือชาวจีนที่ถูกหลอกลวงจำนวน 160 คน ไปยังเมียวดี ประเทศเมียนมา
ภายหลังจากที่นักแสดงจีน “หวัง ซิง”ดาราหนุ่มชาวจีนถูกหลอกให้เดินทางมายังประเทศไทยและถูกพาข้ามไปยังเมียวดีในเมียนมา ผ่านทางจังหวัดตาก จนกลายเป็นข่าวดังในประเทศจีน ความกดดันที่เกิดขึ้นจากจีน ส่งผลให้รัฐบาลไทยตัดสินใจสั่งตัดกระแสไฟฟ้าและเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในพื้นที่ชายแดนเมียนมา และระงับการส่งน้ำมันจากไทย เพื่อเป็นการปราบปรามฐานที่มั่นของแก๊งอาชญากรค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา
นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้นำเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment complex รวมถึงโครงการเมกะโปรเจกต์อย่าง แลนด์บริดจ์ ซึ่งจะเป็นโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ร่วมกันจัดทำมาตรฐานด่านศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้าด้วย
ประธานาธบดีสี จิ้นผิง ยังระบุถึงการพัฒนาด้านสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งจีนนิยมสินค้าจากไทยมากขึ้น และจะเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ทั้งสินค้าทุเรียนและน้ำเชื่อม ซึ่งรัฐบาลได้สั่งการยกระดับการควบคุมและกำกับดูแลแล้ว เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคชาวจีนจะได้รับสินค้าไทยที่มีคุณภาพสูง พร้อมเรียกร้องใช้ประโยชน์จาก FTA ทั้ง RCEP และ ASEAN - China FTA เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยยินดีที่หน่วยงานทั้งสองฝ่ายจะมีการลงนามความตกลงหลายฉบับในเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการเปิดตลาด
เว็บไซต์ Royal Thai Government ยังได้เผยแพร่ข้อมูลการลงนามในความร่วมมือไทย - จีนอย่างรอบด้านทั้งหมด 14 ฉบับ สำหรับด้านการลงทุนและเศรษฐกิจ มีร่างบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับสำคัญได้แก่ ฉบับที่ 1 การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ระหว่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน, ฉบับที่ 2 การส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียว ระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และฉบับที่ 3 การส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน
นายกรัฐมนตรีแพทองธารกล่าวว่า ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยยึดมั่นในหลักการ ‘จีนเดียว’ และพร้อมที่จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างสภานิติบัญญัติของไทยและจีน โดยเชื่อว่าในโอกาสพิเศษที่เฉลิมฉลองปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีนในปีนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้พบปะและหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ด้านนายกรัฐมนตรีขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ให้การสนับสนุนการเชิญชวนพระทันตธาตุมาประดิษฐานในประเทศไทย และเตรียมต้อนรับทูตสันถวไมตรี “แพนด้ายักษ์” คู่ใหม่ที่จะมอบให้ประเทศไทยด้วย