สงครามน้ำลายเริ่มแล้ว! ทรัมป์โจมตีผู้นำยูเครน ว่าเป็น ‘เผด็จการ’
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ โพสต์บน Truth Social กล่าวหาว่าผู้นำยูเครน วลาดิเมียร์ เซเลนสกี เป็นเผด็จการ โดยระบุว่า เซเลนสกีปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง เพราะเขามีคะแนนนิยมในยูเครนต่ำมาก สิ่งเดียวที่เขาทำได้ดีคือปั่นหัวอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน (ในการส่งเงินสนับสนุนนให้ทำสงครามกับรัสเซีย) เขาจึงเป็นผู้นำเผด็จการที่ไม่ยอมให้มีเลือกตั้ง ควรลงจากตำแหน่งได้แล้ว ก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินยูเครนหลงเหลืออยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
การกล่าวหาที่รุนแรงเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีเซเลนสกี ออกมาตอบโต้คำกล่าวหาของทรัมป์ ที่บอกว่ายูเครนเป็นฝ่ายเริ่มสงครามเมื่อ 3 ปีก่อน โดยเซเลนสกีกล่าวว่า น่าเสียดายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ที่เขาเคารพอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำประเทศที่สนับสนุนยูเครนเสมอมา ติดกับดักข้อมูล ซึ่งถูกบิดเบือนโดยรัสเซีย
ท่าทีของทรัมป์ที่หันมาโจมตียูเครน เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน หลังจากที่สหรัฐฯ และรัสเซียส่งผู้แทนระดับสูงเปิดฉากเจรจายุติสงครามยูเครน-รัสเซีย ที่ซาอุดิอาระเบีย เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยไร้เงาของยูเครนเข้าร่วมการประชุมด้วย หลังจากนั้น ทรัมป์ก็ได้แถลงว่าการเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี แต่กลับสร้างความตกใจให้กับสื่อมวลชนด้วยข้อพิพาทรุนแรงต่อยูเครน โดยกล่าวว่ายูเครนเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน ซึ่งไม่ควรเริ่มเลย แต่แท้จริงแล้วทั่วโลกรับรู้กันว่ากองทัพรัสเซียบุกรัสเซียแบบสายฟ้าแลบเมื่อ 3 ปีก่อน
ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย กล่าวชื่นชมทัศนคติใหม่ของสหรัฐฯ ที่มีต่อประเทศของเขา และเมื่อถามถึงการเจรจาสันติภาพที่กรุงริยาด ปูตินกล่าวว่าบรรยากาศมีความเป็นมิตร พร้อมระบุว่า จริง ๆ แล้วในฝั่งของสหรัฐฯ ก็มีคนที่พร้อมจะเปิดกว้างในการเจรจาต่อรองโดยไร้ซึ่งอคติ และไม่มีการประณามต่อเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นไปแล้ว นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีแผนกลับมาเชื่อมสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง หลังจากที่ถูกปิดตายไปในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ผู้นำยุโรปเสียงแตก หลังสหรัฐฯ เปลี่ยนจุดยืน
หลังจากที่ทรัมป์พาสหรัฐฯ เปลี่ยนจุดยืน หันหน้าไปคุยกับรัสเซียเพื่อจัดการกับสงคราม ด้านผู้นำยุโรปเร่งจัดประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งหัวหน้าพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศฝ่ายตะวันตกอย่างนาโต ผู้นำสหภาพยุโรป และผู้นำชาติทหารที่มีอิทธิพลมากที่สุดของยุโรป BBC รายงานว่าพวกเขาต้องการดึงความสนใจของโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อเบียดตัวเข้าไปนั่งที่โต๊ะเจรจาสันติภาพ
การประชุมที่กรุงปารีสยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการส่งกองกำลังยุโรปไปยังยูเครน โดยเซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า ตอนนี้เขาไม่ได้ตัดสินใจส่งกำลังพลสหราชอาณาจักรทั้งหญิงและชายเข้าไปเสี่ยงอันตราย แต่การปกป้องสันติภาพในยูเครนเป็นสิ่งจำเป็น หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และกองทัพรัสเซียเข้ามารุกรานยูเครนในอนาคต
แต่ท้ายที่สุดแล้ว บรรดาผู้นำในปารีสก็ล้มเหลวที่จะให้คำตอบอย่างแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผู้ซึ่งโดยปกติแล้วมักเฉยเมยกับประเด็นดังกล่าว กลับออกมาแสดงการคัดค้านอย่างชัดเจน โดยเขาแถลงว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปและไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยเรื่องการส่งทหารยุโรปไปยูเครน และเขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับการถกเถียงกันเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษใช้หลังการประชุมที่กรุงปารีสนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขาตั้งใจจะเชื่อมสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เพื่อจัดการกับประเด็นสงครามยูเครน-รัสเซีย โดยใช้ "ความสัมพันธ์พิเศษ” ระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร และอ้างว่าวามมั่นคงของยุโรปเป็นผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งในสัปดาห์หน้า เขามีกำหนดเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อหารือกับโดนัลด์ ทรัมป์
