รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 โดยระบุว่า เป็นไปตามกระบวนการที่วางไว้ และเป็นการดำเนินการตามคำร้องขอจากรัฐบาลจีน ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับ ท่ามกลางรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของชาวอุยกูร์ในจีน
การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับในครั้งนี้ ทำให้หลายคนกลับไปพูดถึงข่าวการส่งกลับชาวอุยกูร์เมื่อปี 2558 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ โดยจำเลยเป็นชาวอุยกูร์ 2 คน แต่แม้เวลาจะผ่านไปเกือบทศวรรษ คดีระเบิดดังกล่าวยังคงอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลไทย
ตำรวจที่จังหวัดสงขลา สามารถจับกุมชาวอุยกูร์ 220 คน รวมทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก และดำเนินคดีฐานเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ในบริเวณใกล้กับพรมแดนประเทศมาเลเซีย และต่อมาได้ส่งตัวพวกเขาไปยังสถานกักตัวคนต่างด้าวในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน มีรายงานทางการไทยจับกุมตัวชาวอุยกูร์คนอื่น ๆ อีกหลายสิบคน และนำตัวไปไว้ที่สถานกักตัวคนต่างด้าวทั่วประเทศ
ผู้หญิงและเด็กชาวอุยกูร์ประมาณ 170 คนซึ่งถูกกักตัวที่จังหวัดสงขลา ได้รับการปล่อยตัวและเดินทางไปประเทศตุรกี แต่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทางการส่งตัวชาวอุยกูร์ที่เป็นผู้ชายไปกลับไปยังจีนประมาณ 100 คน และหลังจากนั้นยังมีชาวอุยกูร์ส่วนหนึ่งที่ถูกควบคุมตัวในไทย
เกิดเหตุระเบิดรุนแรงบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ใกล้โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายสวมเสื้อสีเหลืองวางกระเป๋าต้องสงสัยบนม้านั่งภายในศาล ก่อนเกิดระเบิดรุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 120 คน ถัดมาเพียงหนึ่งวัน ได้เกิดเหตุระเบิดอีกครั้งที่บริเวณท่าเรือสาทร อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยรายแรก คือนายอาเด็ม หรือ นายบิลาล โมฮัมเหม็ด คาราดัก ที่พูนอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก ต่อมา นายไมไรลี ยูซูฟู ถูกจับกุมได้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ขณะพยายามเดินทางข้ามแดนไปประเทศกัมพูชา
ทั้งสองรายถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดดังกล่าว โดยมีรายงานว่าทั้งคู่เป็นชาวอุยกูร์จากเมืองอุรุมชี เขตปกครองพิเศษซินเจียง ประเทศจีน ในขั้นตอนการสอบสวน ทั้งสองให้การรับสารภาพ
อัยการทหารได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสองในหลายข้อหาร้ายแรง รวมถึงการครอบครองวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต, การใช้วัตถุระเบิดเป็นอาวุธ, ความพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และการก่อเหตุระเบิดจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง อาจได้รับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
ปัจจุบัน คดีระเบิดราชประสงค์ยังคงอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญากรุงเทพใต้ นายคาราดัก และยูซูฟู ถูกควบคุมตัวในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ตลอดมาร่วม 10 ปี
สื่อมวลชนได้รับจดหมายจากผู้กักขังชาวอุยกูร์ 48 คน ระบุว่า เราอาจถูกคุมขัง และเราอาจจะต้องเสียชีวิต เราขอวิงวอนอย่างเร่งด่วนต่อหน่วยงานระหว่างประเทศและประเทศที่ใส่ใจต่อสิทธิมนุษยชน ให้ทำการแทรกแซงอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้าย ก่อนจะสายเกินไป และพวกเขาได้ตัดสินใจอดอาหารประท้วง นอกจากนี้ยังมีรายงานชาวอุยกูร์เสียชีวิต 5 รายระหว่างถูกคุมขังเอาไว้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน ระบุว่า เป็นไปตามกระบวนการที่รัฐบาลได้วางแผนไว้ เพื่อให้ชาวอุยกูร์กลับสู่ประเทศและพบกับครอบครัว พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ต้องการกักตัวพวกเขา โดยบุคคลเหล่านี้ไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรง
นายภูมิธรรมได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การส่งตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยเคยส่งตัวผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กลุ่มหนึ่งให้ประเทศตุรกีเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และหลังจากนั้นก็พยายามหาประเทศที่สามารถรับกลุ่มชาวอุยกูร์ที่เหลือ แต่ไม่มีประเทศใดรับไป จนกระทั่งตอนนี้ทางการไทยเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการส่งตัวผู้ต้องกักกลับประเทศของตัวเอง เขายังยืนยันว่า ทั้งหมดมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับโดยสมัครใจ
ที่มา : HRW