วันอังคารที่ 4 มีนาคม 2025 ในการประชุมสุดยอดที่กรุงไคโร ผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกลุ่มประเทศอาหรับ 22 ประเทศ รับรองข้อเสนอของอียิปต์ในการฟื้นฟูฉนวนกาซา แผนการดังกล่าวคาดการณ์ว่า จะใช้งบประมาณ 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะทำให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนสามารถอาศัยในฉนวนกาซาต่อไปได้
แผนการฟื้นฟูฉนวนกาซาดังกล่าวมีความขัดแย้งกับข้อเสนอริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง (Riviera of the Middle East) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ผู้นำกลุ่มประเทศอาหรับปัดตกไปก่อนหน้า เนื่องจากแผนการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น ประเทศปลายทางรองรับชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่คืออียิปต์และจอร์แดน
นานาชาติไม่เห็นด้วยทันที หลังจากที่เห็นแผนการของทรัมป์ ซึ่งถูกนำเสนอออกมาเป็นคลิปวิดีโอ สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ผู้นำนานาประเทศต่างออกมาคัดค้านว่า แผนการนี้เป็นการ “เข้าควบคุม” กาซาของสหรัฐฯ
แอกเนส คาลามาร์ด (Agnes Callamard) เลขาธิการ Amnesty International กล่าวว่า การบีบบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ย้ายออกจากพื้นที่โดยไม่เต็มใจนับว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม” นอกจากนี้เลขาธิการสหประชาชาติ อังตอนียู กูแตรึช (António Guterres) ยังชี้ว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นการล้างชาติพันธุ์ (Ethnic cleansing) ได้อีกด้วย
อับดุลฟัตตาห์ อัสซีซี ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์อ้างว่า แผนการนี้จะทำให้ชาวปาเลสไตน์สามารถอยู่ในบ้านเกิดของตนที่ฉนวนกาซาต่อไปได้ ทั้งยังป้องกันฮามาสจากบทบาทการบริหารประเทศ มุ่งนำองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (PA) กลับมาสู่อำนาจในที่สุด
สำนักข่าวต่างประเทศ The Washington Post, Al Jazeera, Reuters, และ Al-Ahram เผยแพร่บทวิเคราะห์ข้อมูลแผนการราคา 53,000 ล้านนี้เอาไว้ โดยข้อมูลระบุอยู่ในเอกสารยาว 91 หน้า แผนการฟื้นฟูฉนวนกาซาแผนการนี้แบ่งออกเป็น 3 ขั้นในระยะเวลา 5 ปี ได้แก่
แผนการขั้นแรกประมาณการไว้ว่า จะใช้เวลา 6 เดือนเก็บกวาดซากปรักหักพังออกจากถนน Salah al-Din ถนนหลวงสายหลังเหนือ-ใต้ในฉนวนกาซา หลังจากนั้นก่อสร้างบ้านชั่วคราว 200,000 หลังที่สามารถรับรองผู้อยู่อาศัยได้ 1.2 ล้านคน และซ่อมแซมอาคารอีกราว 60,000 หลัง
ข้อมูลจากพิมพ์เขียวชี้ว่า ขั้นตอนการก่อสร้างใหม่อาจใช้เวลายาวนาน 4 - 5 ปี ประกอบด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยถาวรใหม่ 400,000 หลัง รวมถึงท่าเรือและท่าอากาศยานนานาชาติด้วย ระหว่างการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างระบบส่งน้ำ ระบบจัดการของเสีย ระบบโทรคมนาคม และไฟฟ้าจะทยอยถูกติดตั้งเหมือนเดิม
ระหว่างการดำเนินแผนการนี้ มีการเสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ไปอาศัยอยู่ชั่วคราวในพื้นที่ 7 แห่งของฉนวนกาซา และการสร้างเมืองขึ้นใหม่จะสร้างไปทีละส่วนตามลำดับ โดยอียิปต์และจอร์แดนจะร่วมกันสนับสนุนการฝึกกองกำลังตำรวจปาเลสไตน์ เพื่อเตรียมปูทางให้องค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์สามารถหวนคืนสู่อำนาจการบริหาร
ประธานาธิบดีอัสซีซีกล่าวว่า แผนการที่วางไว้ขอให้กลุ่มเทคโนแครตปาเลสไตน์อิสระ (Independent Palestinian technocrats) ควบคุมการจัดการฟื้นฟูฉนวนกาซาเพื่อแทนที่และกันกลุ่มฮามาสออกไป โดยกลุ่มเทคโนแครตจะรับผิดชอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อปูทางให้องค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (PA) เข้ามารับอำนาจบริหารต่อไป
และแม้แผนการจะไม่ได้พูดถึงการเลือกตั้ง แต่ประธานองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส (Mahmoud Abbas) กล่าวว่าอาจมีการเลือกตั้งจัดขึ้นในปีหน้าหากสถานการณ์เอื้ออำนวย
อียิปต์และจอร์แดนยังเรียกร้องให้สหประชาชาติพิจารณาภารกิจรักษาสันติภาพเพื่อดูแลการปกครองในฉนวนกาซาจนกว่าการฟื้นฟูจะเสร็จสิ้น
ค่าใช้จ่ายสำหรับการฟื้นฟูฉนวนกาซาแบ่งเป็น 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการฟื้นฟูระยะแรก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับระยะที่สอง และ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับระยะที่สาม โดยงบประมาณจะมาจากแหล่งทุนนานาชาติหลายแหล่ง รวมทั้งเงินทุนจากสหประชาชาติ เงินทุนจากต่างประเทศ และภาคเอกชน
ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงยืนหยัดในจุดยืนเดิม คือแผนการริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง และการผลักชาวปาเลสไตน์ให้เป็นผู้พลัดถิ่น ที่ดูเหมือนจะมองฉนวนกาซาเป็นโอกาสในการลงทุนอสังหาริมาทรัพย์
“ข้อเสนอนี้ไม่ยึดหลักความเป็นจริงว่าฉนวนกาซาขณะนี้ไม่ใช่ที่ที่อยู่อาศัยได้ และผู้อยู่อาศัยก็ไม่อาจอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเศษซากหักพังและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ระเบิดได้” ไบรอัน ฮิวจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
“ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนหยัดในมุมมองเดิมคือการสร้างกาซาขึ้นใหม่ โดยปราศจากฮามาส เรายังคงเปิดรับการเจรจาในอนาคตเพื่อนำมาซึ่งสันติภาพและความรุ่งโรจน์ของพื้นที่”
อ้างอิง: AP, Reuters, DW, Aljazeera, CNN