ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2568 รัฐบาลอิสราเอลกลับมาระงับเส้นทางความช่วเหลือที่ส่งเข้าฉนวนกาซาอีกครั้ง ทางการอิสราเอลให้เหตุผลว่า การระงับเส้นทางการขนส่งสินค้าดังกล่าวมีจุดหมายเพื่อหยุดกลุ่มก่อการร้ายฮามาสตามข้อตกลงหยุดยิง เพียงแต่การระงับเส้นทาง ยังรวมไปถึงการระงับอาหาร ยา และเชื้อเพลิงที่ส่งเข้ากาซาด้วย การกระทำดังกล่าวจึงถือว่าละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
หน่วยงานผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ (The U.N. Palestinian refugees agency: UNRWA) กล่าวว่า ประชาการราว 2.3 ล้านคนในฉนวนกาซาที่เพิ่งผ่านครามอันโหดร้ายยาวนาน 17 เดือนมา ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอกอยู่
เจ้าหน้าที่ที่ทำงานกับการประปาส่วนภูมิภาคเขตเทศบาลชายฝั่งของฉนวนกาซา (CMWU) กล่าวกับองค์กร Human Rights Watch ว่า ขณะนี้มีพลังงานสำรองสำหรับจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกทางการประปาได้อีก 1 สัปดาห์เท่านั้น และการผลิตน้ำในกาซาจากบ่อ และเครื่องกำจัดเกลือออกจากน้ำจำนวน 1 เครื่องจากสองเครื่องที่ยังใช้ได้ในกาซาจำเป็นต้องหยุดใช้งาน เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์กล่าวว่าการตัดไฟฟ้าจะส่งผลต่อการเข้าถึงน้ำสะอาดของประชาชนในฉนวนกาซา
นอกจากนี้ CMWU ยังเผยว่า ทางการอิสราเอลปฏิเสธคำขอของ CMWU ที่จะซ่อมหนึ่งในท่อส่งน้ำของฉนวนกาซาที่ส่งตรงมาจากอิสราเอล ท่อส่งน้ำดังกล่าวหยุดทำงานไปมากกว่า 6 สัปดาห์เนื่องจากปฏิบัติการที่เรียกว่า “พื้นที่กันชน” (buffer zone) ของทางการอิสราเอลทางในพื้นที่ทางตะวันออกของฉนวนกาซา
เอลี โคเฮน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานอิสราเอลได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคมว่า เขาได้สั่งห้ามบริษัทไฟฟ้าอิสราเอลขายพลังให้กาซา เพื่อเป็นอีกวิธีในการกดดันให้ฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่
การตัดพลังงานสำรองในฉนวนกาซายังส่งผลต่อระบบการบำบัดน้ำเสีย มูฮัมหมัด ธาเบต โฆษกของโรงไฟฟ้าฉนวนกาซากล่าวว่า “การตัดสินใจครั้งนี้มันวิบัติมาก ตอนนี้เทศบาลโดนบังคับให้ต้องปล่อยน้ำเสียลงทะเล ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพไปไกลมากกว่าเขตฉนวนกาซา”
องค์กร Food Security Cluster องค์การความมั่นคงทางอาหารที่สนับสนุนโดยสหประชาชาติรายงานสถานการณ์ว่า ครัวชุมชนอย่างน้อย 80 แห่งในกาซาจะขาดแคลนเสบียงอาหารในไม่ช้า หากการระงับเส้นทางส่งความช่วยเหลือและสินค้ายังดำเนินต่อไป ความไม่มั่นคงทางอาหารสืบเนื่องมาจากการระงับการขนส่งยังไม่จบเท่านี้ สื่อต่างประเทศ the Assocuated Press รายงานคำเตือนจาก The World Food Programme เมื่อวันที่ 5 มีนาคมว่า กาซามีเสบัยงอาหารเหลือสำหรับครัวสาธารณะและร้านขนมปังเพียง 2 อาทิตย์เท่านั้นหากการระงับดำเนินต่อไป
ผลของการระงับเส้นทางการขนส่งสินค้าและความช่วยเหลือ เป็นผลให้ร้านอาหารปิดตัว ราคาอาหารพุ่งสูง อับเดล-นาสเซอร์ อัล-อัครามี หัวหน้าสหภาพขนมปังแห่งฉนวนกาซาบอกกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สว่าร้านขนมปัง 6 จาก 22 แห่งที่ยังเปิดอยู่ฉนวนกาซาขณะนี้ต้องปิดชั่วคราวเพราะขาดก๊าซหุงต้ม
“ร้านที่ยังเปิดอยู่ได้อาจจะปิดในอีกหนึ่งสัปดาห์หรือราวๆ นั้น หากขาดน้ำมันหรือแป้ง ยกเว้นทางช้ามจะกลับมาเปิดอีกครั้งและสินค้าจะไหลเข้ามาได้” อัล-อัครามีกล่าวและชี้ว่าในขณะนี้ร้านขนมปังก็ไม่สามารถผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนได้อยู่แล้ว
ด้านฮามาสเรียกมาตราการดังกล่าวว่า “การลงโทษร่วม” และยืนกรานว่า มาตราการนี้จะไม่ส่งผลให้กลุ่มยอมประนีประนอม โฆษกกลุ่มฮามาส อับเดล-ลาทีฟ อัล-กานูอา กล่าวกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สเมื่อวันจันทร์ที่ 10 มีนาคมว่า ฮามาสยังคงยืนหยัดปฏิบัติตามข้อตกลงเดิม และหวังให้ผู้ไกล่เกลี่ย “บังคับ” ให้อิสราเอลตกลงเจรจาเพื่อดำเนินการขั้นตอนที่สอง ซึ่งจะมุ่งเน้นที่การตกลงปล่อยตัวประกันที่เหลือ และการถอนกำลังอิสราเอลออกจากกาซา ด้านอิสราเอลสั่งการให้ฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลือโดยไม่ทำตามขั้นตอนระยะที่สองของข้อตกลง
หากย้อนมองการตัดความช่วยเหลือที่ส่งถึงกาซาโดยอิสราเอลระหว่างสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์แล้ว Human Right Watch บันทึกไว้ว่า มีชาวปาเลสไตน์หลายพันคนจากจำนวนราว 48,000 คนที่เสียชีวิตจากความขัดแย้งครั้งนี้ ตายจากการขาดแคลนอาหาร การขาดแคลนน้ำ และโรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับการระงับเส้นทางอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ โดยอิสราเอล นับว่าเป็นอาชญากรรมสงครามที่ใช้ความหิวโหยเป็นวิธีการก่อสงคราม
ตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มเป็นผลกลางเดือนมกราคม 2025 การเข้าถึงน้ำและอาหารของปาเลสไตน์ก็เพิ่มมากขึ้น แม้จะยังไม่ฟื้นตัวเท่าสถานการณ์ก่อนเดือนตุลาคม 2023 เมื่อกลุ่มก่อการร้ายฮามาสโจมตีอิสราเอลและสงครามเปิดฉากขึ้น
อ้างอิง: Reuters, Human Rights Watch