มีรายงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ไม่ใช่แค่เมียนมา แต่แท้จริงแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ขยายอิทธิพลมาจากจีนเทาที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา และกาสิโน คือจุดเริ่มต้นของโรงงานคนบาป ที่ขยายสู่การหลอกลวงผู้คนทั่วโลก
ที่สีหนุวิลล์ เมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่รัฐบาลกัมพูชาเคยพยายามโปรโมทอย่างหนัก พวกเขาพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามา และนักลงทุนที่เข้ามาจำนวนมหาศาลก่อนหน้านี้ก็คือ กลุ่มจีนเทา
สีหนุวิลล์กลายเป็นที่ตั้งของกาสิโนมากมาย เพราะในกัมพูชา กาสิโนถูกกฎหมาย เพียงแต่อนุญาตให้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้นเข้ามาใช้บริการ
พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเปิดเผยว่า เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้กาสิโนซบเซาลง การพนันจึงหันเข้าสู่เส้นทางออนไลน์ ต่อมา บริษัทที่เป็นเจ้าของกาสิโนในกัมพูชาก็ยกระดับกลายเป็นศูนย์บัญชาการของพนันออนไลน์ และในที่สุด มันก็กลายมาเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงผู้คน
พันธมิตรต่อต้านการหลอกลวงโลก หรือ GASA พบว่า การหลอกลวงกำลังกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้น และการสำรวจที่ดำเนินการโดยองค์การดังกล่าวในปี 2024 ซึ่งไปสอบถามผู้คน 58,329 คน พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้คนทั่วโลกพบกับการหลอกลวงอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
ผลกระทบทางการเงินจากการหลอกลวงนั้นมหาศาล โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2024 การหลอกลวงทั่วโลกทำให้สูญเสียเงินถึง 1.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ สูญเสียเงินให้แก๊งสแกมเมอร์มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ในจำนวน 3,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วยเดนมาร์กอันดับสอง 3,067 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สโลวาเกียเป็นอันดับสาม สูญเสียเงิน 2,738 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สิงคโปร์อันดับสี่ 2,428 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สหราชอาณาจักรอันดับห้า 1,818 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อันดับหก จีน ประชาชนสูญเงินให้แก๊งสแกมเมอร์มากถึง 1,578 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และไทยเป็นอันดับเก้า 1,106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
คนที่ไปทำงานกับแก๊งสแกมเมอร์เหล่านั้น มักจะเริ่มต้นจากการไปทำงานในกาสิโน แต่แล้วเมื่อถูกบังคับให้ทำงานหลอกลวงผู้คน บางคนไม่ยินยอมที่จะทำ พวกเขาถูกทุบตี ทรมาน จุดนี้นี่เองที่ยกระดับเป็นการค้ามนุษย์
รายงานยังระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นที่ตั้งของกลุ่มผู้หลอกลวงนี้ดำเนินการโดยแก๊งชาวจีน แม้ว่าบางส่วนจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มชนชั้นนำในท้องถิ่น
ราว 90 เปอร์เซ็นต์ของโทรศัพท์ที่โทรมาหลอกลวงชาวไทย มักมาจากกัมพูชานี่เอง ในขณะที่อีก 10 เปอร์เซ็นต์ มาจากเมียนมา ฐานที่มั่นแห่งใหม่ของแก๊งสแกมเมอร์
เมียนมาเหมาะมากในเรื่องของการเป็นพื้นที่ที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง และทำให้แก๊งสแกมเมอร์สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการหลอกลวงออกไปได้อีก
พลโทภราดรชี้ว่า การย้ายมาเมียนมาเหมือนการยกระดับทางการตลาด เพราะก่อนหน้านั้น หลอกแค่ชาวไทยและจีน แต่พอย้ายมา มีการดึงดูดหรือหลอกลวงแรงงานมาจากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และภายในตึกหนึ่งหลัง จะมีการแบ่งออกเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นแบ่งแรงงานออกเป็นชั้นละประเทศ เช่น ชั้นนี้มีแต่คนจีน ให้โทรหลอกคนจีนด้วยกัน ชั้นถัดไปมีคนแอฟริกา คนอินเดีย และให้โทรหลอกคนชาติเดียวกัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อข้ามประเทศไปยังเมียนมา กลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังล้วนเป็นกลุ่มเดิม พวกเขาจะเริ่มจากกาสิโน พัฒนาสู่พนันออนไลน์ และยกระดับเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดิม