ปี 2025 AI และ Cloud จะกลายเป็นขุมพลังหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกมิติ
อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เร่งนำเทคโนโลยีคลาวด์และ AI โดยเฉพาะ Generative AI (Gen AI) มาใช้ในการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้ากว่าเดิม ในปี 2024 ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเริ่มนำ Gen AI มาใช้งานจริงในหลายด้านของธุรกิจ ตั้งแต่การผลิต การขาย ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และในปี 2025 แนวโน้มการใช้ AI จะขยายตัวอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ และเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5 แนวโน้ม Generative AI พลิกโฉมวงการยานยนต์
1. ปฏิวัติการดำเนินงานด้วย AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ในปี 2024 Toyota นำ AI Hypercomputer ของ Google Cloud มาใช้ในโรงงานประกอบชิ้นส่วนหลายแห่ง เพื่อลดเวลาการทำงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มความแม่นยำ AI ถูกนำมาใช้ตรวจสอบการยึดติดของกาวบนกระจกและประตู รวมถึงการตรวจจับความผิดปกติของเครื่องฉีดพลาสติกในกระบวนการผลิตกันชน ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ Toyota ใช้แพลตฟอร์ม Cloud AI เพื่อทำให้งานที่ต้องใช้ชั่วโมงทำงานสูงเป็นอัตโนมัติ รวมกว่า 10,000 ชั่วโมง ส่งผลให้พนักงานมีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงขึ้น เช่น การพัฒนาระบบผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดกว่าเดิม
2. Gen AI ทำการซื้อรถให้เป็นเรื่องง่าย
AI กำลังเข้ามายกระดับประสบการณ์การซื้อรถให้เป็นเรื่องไร้รอยต่อ Ford และ ALVA เป็นตัวอย่างของผู้ผลิตที่นำ Gen AI มาใช้เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดย ALVA ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่แบบเรียลไทม์ เช่น การเร่ง เบรก และระดับแบตเตอรี่ของรถ EV ซึ่งช่วยให้ทีมบริการสามารถคาดการณ์ปัญหาและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที Volkswagen ได้บูรณาการ AI เข้ากับแอปพลิเคชัน myVW ซึ่งช่วยให้เจ้าของรถสามารถใช้ Gen AI ค้นหาคำแนะนำ เช่น วิธีเปลี่ยนยาง หรือความหมายของสัญญาณไฟบนแผงหน้าปัดโดยใช้กล้องสมาร์ทโฟนสแกน เพื่อให้ได้คำตอบทันที
3. Multimodal AI Agents ยุคใหม่ของประสบการณ์ขับขี่
ปี 2025 จะเป็นปีแห่ง Multimodal AI Agents ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถยนต์ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น ข้อความ เสียง และภาพ ตัวอย่างเช่น Mercedes-Benz นำ AI จาก Google Cloud มาใช้กับระบบ MBUX Virtual Assistant เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสนทนากับระบบได้แบบเป็นธรรมชาติ เช่น การสอบถามร้านอาหารใกล้เคียง พร้อมแนะนำเมนูยอดนิยม นอกจากนี้ AI ยังช่วยตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ เช่น การง่วงนอน หรือการขับขี่ที่ไม่มีสมาธิ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
4. Gen AI เพิ่มความปลอดภัยไซเบอร์ในยานยนต์
เมื่อรถยนต์กลายเป็น "ซอฟต์แวร์ขับเคลื่อน" ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงมีความสำคัญมากขึ้น Waymo ใช้แนวทาง Secure-by-Design ของ Google เพื่อตรวจจับและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ขณะที่ Formula E นำ AI มาใช้ปกป้องข้อมูลบนคลาวด์และเพิ่มความปลอดภัยของระบบแข่งรถไฟฟ้า ในปี 2025 Gen AI จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามไซเบอร์แบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์แห่งอนาคต
5. ห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม
ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง BMW Group และ Renault ใช้ AI บนคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น แนวโน้มการผลิต ข้อมูลเซ็นเซอร์ และปัจจัยภายนอก เพื่อคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น และปรับการผลิตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ การใช้ AI ในการบริหารจัดการซัพพลายเชนช่วยให้ลดความเสี่ยง ลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
AI และ Cloud อนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์
เทคโนโลยี AI และ Cloud กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตที่สามารถนำ AI มาปรับใช้ได้อย่างเต็มที่ จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมปรับกระบวนการทำงานให้คล่องตัว และเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์ยุคใหม่ Gen AI ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยี แต่เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์รถยนต์สามารถแข่งขันและก้าวขึ้นเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตได้
ข้อมูล: คุณ อรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย
