Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เมื่อเด็กกลายเป็นขุมทรัพย์ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า

เมื่อเด็กกลายเป็นขุมทรัพย์ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า

28 พ.ย. 67
16:29 น.
|
423
แชร์

แพทย์ทหารเรือ เผยเคส เด็กหญิงวัย 11 ปี ป่วย "ปอดอักเสบ" เข้าห้อง ICU ไม่ตอบสนองการรักษา ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สอบประวัติพบ "สูบบุหรี่ไฟฟ้า" ขณะที่ 14 ราชวิทยาลัยวิชาชีพแพทย์ฯ ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน จี้ สภาเอาจริงกฎหมายห้ามนำเข้า-ขาย-สูบในไทย

พล.ร.ต.หญิง พญ.สุพิชชา แสงโชติ ผู้แทนราชวิทยากุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวตอนหนึ่งในการแถลงข่าว "หมอไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า" ว่า ปกติเด็กก่อนวัยเรียนมักมีปัญหาป่วยเรื้อรัง น้ำมูกไหล หอบเฉียบพลันมากอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งเพราะคนในบ้านสูบบุหรี่

กระทั่งปี 2565 พบเด็กป่วยมากขึ้น สอบสวนโรคพบคนในบ้านสูบบุหรี่ไฟฟ้า และเพื่อนที่โรงเรียนสูบ ล่าสุดปี 2567 พบผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 11 ปี ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเดิมป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงอยู่แล้วแต่สามารถรักษา คุมโรคได้ดี ทำกิจกรรมได้ปกติ แต่ต่อมา 1 เดือนก่อนเข้าโรงพยาบาลพบว่ามีอาการเหนื่อยง่าย ไอ มีเสมหะมาก กระทั่งไม่ไหวต้องมารพ.รักษาในไอซียู เอ็กซเรย์พบปอดอักเสบ ซักประวัติไม่มีคนในครอบครัวสูบบุหรี่ รักษาเต็มที่แต่ไม่ตอบสนองการรักษา ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ

ระหว่างนั้นสอบถามเด็กยอมรับว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้า จึงรีบให้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ทำให้อาการดีขึ้น จากนั้นเด็กเล่าว่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ 6 เดือน โดยหาซื้อได้ง่ายในซอยข้างบ้าน จึงเพลิดเพลินกับการทดลองบุหรี่ไฟฟ้าหลายสี หลายรส กระทั่งป่วยต้องมารพ.

ขณะที่ นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส รองประธานโครงการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบฯ ภายใต้สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า จากสถานการณ์ของการระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ที่สำรวจพบเด็กและเยาวชนจำนวนมากหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากค่านิยมในกลุ่มเพื่อนและการตลาดล่าเหยื่อที่ดึงดูด เช่น กลิ่นรสที่หลากหลายและรูปลักษณ์ที่น่าเย้ายวน

ขอยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารเสพติด ที่มีฤทธิ์ทำร้ายทุกระบบของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและเยาวชนที่สมองส่วนหน้ายังไม่พัฒนาเต็มที่ ส่งผลต่อพัฒนาการการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ ความจำ สมาธิ การควบคุมอารมณ์และสุขภาพจิต แม้มีหลายประเทศที่อนุญาตให้ขายบุหรี่ได้ แต่ก็มีการออกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเยาวชน หรือจำกัดการโฆษณา เพื่อป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน แต่ยังคงมีช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้เด็กสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้

นพ.วันชาติ กล่าวว่า จากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวข้างต้น เนื่องในโอกาสวันแพทย์ไทย 27 พ.ย. ประธานและผู้แทนจาก 14 ราชวิทยาลัยวิชาชีพแพทย์แห่งประเทศไทย จึงร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ดังนี้

1. พวกเราจะมุ่งมั่นร่วมมือกันสนับสนุนให้ “คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า” โดยขอเรียกร้องให้รัฐสภา “คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อคุ้มครองสุขภาพเด็ก และให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติมากกว่าผลกำไรและภาษี ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

2.พวกเราทุกราชวิทยาลัย จะร่วมมือกันส่งเสริมให้ “การไม่สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า เป็นค่านิยมดูแลสุขภาพตนเองและผู้อื่น” ทั้งนี้ นอกเหนือจาก “หมอไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” แล้ว พวกเราขอเรียกร้องและเชิญชวนให้คนไทยทุกคนตื่นตัว ออกมาปกป้องลูกหลานของเราเอง โดยใช้ “#คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” เป็นวาระแห่งชาติ สำหรับคนไทยทุกคน จากนี้เป็นต้นไป จนกว่าสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณายืนยันการไม่ให้มีการนำเข้าและห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยต่อไป

ศ.นพ.ไชยรัตน์ เพิ่มพิกุล ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาน่าวิตกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้สูบหน้าใหม่ที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบมาก่อน โดยสาเหตุของการแพร่ระบาดใหญ่คือ

1. การให้ข้อมูลที่บิดเบือนว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย ไม่มีอันตรายใด ๆ จนองค์การอนามัยโลกมีคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก ปี 2567 ว่า “ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าหยุดโกหกได้แล้ว”

2. การปรุงแต่งกลิ่นรสที่เย้ายวนใจให้เยาวชนและผู้สูบหน้าใหม่ต้องหันมาริลองใช้จนเสพติดในระยะยาว ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว กลิ่นหอม เท่หรู นำสมัย แต่กลับซุกซ่อนโทษภัยไว้มากมาย เพราะนิโคตินในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นนิโคตินสังเคราะห์ ทำให้เกิดการระคายคอ ดูดซึมได้มาก และเร็วกว่านิโคตินธรรมชาติ อีกทั้งสามารถเพิ่มระดับได้เป็น 100 เท่าของบุหรี่มวน ไอของบุหรี่ไฟฟ้ายังประกอบด้วยสารเคมีมากถึง 2,000 ชนิดที่ยังไม่เป็นที่รู้จักทางการแพทย์และยังไม่ทราบผลกระทบต่อมนุษย์หากมีการใช้ต่อเนื่อง

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา ตัวแทนราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ กล่าวเสริมว่า สารเคมีเหล่านี้โดยเฉพาะนิโคตินสามารถดูดซึมเข้าสู่สมองภายใน 7 วินาที จะทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ผนังหลอดเลือด เซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจและปอด และกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ทุกระบบของร่างกาย อาทิ

1. โรคหลอดเลือดสมองตีบ หลอดเลือดหัวใจตีบและกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่พบได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า

2. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหืด โรคถุงลมโป่งพอง ปอดแตกลมรั่วร้อยละ 75 และเกิดปอดอักเสบรุนแรงเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า รวมทั้ง EVALI และปอดข้าวโพดคั่ว

3. เป็นต้นเหตุให้เกิดโรคเบาหวาน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ได้ถึง 2 เท่าของคนทั่วไป

4. ทำให้หน้าเหี่ยวแก่ก่อนวัย เกิดสิวฝ้า และผื่นแพ้ และฟันเหลือง

5. เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อชนิดต่าง ๆ มากขึ้นถึงร้อยละ 40 ที่สำคัญพบว่าในหนูทดลองที่ได้รับควันบุหรี่ไฟฟ้าจะเกิดมะเร็งปอดได้ถึง 1 ใน 4 ดังนั้น บุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นอันตรายไม่แตกต่างจากบุหรี่มวน และไม่ใช่ทางเลือกในการเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มุ่งหวังเพียงผลกำไรสู่ผู้ผลิตและผู้ขาย โดยไม่เคยรับผิดชอบต่อพิษภัยและผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นกับผู้สูบเลยแม้แต่น้อย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงขอวิงวอนให้คนไทยอย่าทำร้ายตนเอง อย่าเปิดโอกาสให้แก่ธุรกิจเหล่านี้ นำเอาบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เราหรือลูกหลานของเราตกเป็นเหยื่อหรือหนูทดลองเลย

รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ กรรมการราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การตลาดล่าเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดวิกฤตการระบาดในเด็กเล็กลงมาถึงระดับประถม ซึ่งเป็นความกังวลของกุมารแพทย์และควรเป็นความกังวลของสังคมไทยด้วย เพราะนอกจากนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะอันตรายต่อสุขภาพเช่นเดียวกับในผู้ใหญ่แล้ว ที่แตกต่างคือจะมีผลต่อสมองของเด็กที่กำลังพัฒนาตั้งแต่ในครรภ์จนถึงอายุ 25 ปี ทำให้ประสิทธิภาพของสมองลดลงถึง 3-4 เท่า

นอกจากนี้การทำงานของสมองเด็กยังเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่จึงทำให้เสพติดบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เด็กมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าผู้ใหญ่ ในปริมาณนิโคตินเท่ากันจึงเหมือนกับได้รับมากกว่า รวมทั้งประสิทธิภาพการขับสารพิษยังพัฒนาไม่เทียบเท่าผู้ใหญ่ ที่สำคัญขณะนี้อัตราการเกิดของเด็กลดลงกว่าครึ่ง ในสถานการณ์ที่เด็กเกิดน้อยหากสมองต้องมาถูกทำลายจากบุหรี่ไฟฟ้า ยิ่งจะซ้ำเติมวิกฤตชาติ


ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องคนไทยทุกคนโดยเฉพาะรัฐมีหน้าที่ที่ต้องมุ่งมั่นปกป้องคุ้มครองเด็กจากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าจากผู้ประกอบการที่จงใจทำการตลาดเพื่อล่าเหยื่อเด็กเป็นลูกค้า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ กรรมการราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ากระตุ้นการหลั่งโดปามีน ทำให้เกิดการเสพติด ยังเป็นประตูนำสู่การสูบบุหรี่มวนและสารเสพติดอื่นเพิ่มขึ้นด้วย การศึกษาแบบ Systematic Review พบความสัมพันธ์ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นกับปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า สมาธิสั้น ปัญหาทางพฤติกรรม และการทำร้ายตัวเอง สอดคล้องกับการศึกษาภาคตัดขวางจากประเทศไทย ในกลุ่มตัวอย่างอายุ 10-19 ปี พบว่ากลุ่มเยาวชนที่เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่ากลุ่มที่ไม่เคยใช้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจจะทำให้ปัญหาสุขภาพจิตที่มีอยู่แล้วแย่ลงคล้ายกับการใช้บุหรี่ธรรมดา และกลุ่มผู้สูบบุหรี่ที่มีปัญหาสุขภาพจิตมีแนวโน้มที่จะใช้บุหรี่ไฟฟ้าต่อหลังจากเลิกบุหรี่ได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่มีปัญหาสุขภาพจิต นอกจากนี้ในการศึกษาพบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่มวนมีประสิทธิภาพด้อยกว่าใช้วิธีอื่น

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ จะทำให้สารพิษทั้งนิโคติน ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารอื่นๆ ถูกส่งผ่านจากมารดาเข้าไปสู่รก ทำให้ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารและก๊าซออกซิเจนไม่เพียงพอ มีโอกาสแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด ทารกเจริญเติบโตช้า (Intrauterine growth retardation) จนถึงตายคลอด (Stillbirth) รวมทั้งรกที่เสื่อมสภาพ ทำให้มีการลอกตัวจากผนังมดลูกก่อนกำหนด รกของสตรีที่สูบบุหรี่มากบางรายสร้างสารพิษออกมากระตุ้นให้เกิด “ครรภ์เป็นพิษ” มีความดันโลหิตสูง บวมทั่วร่างกาย มีการรั่วไหลของสารโปรตีนทางปัสสาวะ ถ้าอาการรุนแรง ผู้ป่วยจะชัก หลอดเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตได้

ในสตรีบางราย สารพิษจากการสูบบุหรี่รบกวนบริเวณยอดมดลูก รกก็จึงไปเกาะที่บริเวณส่วนล่างของมดลูกหรือคลุมปากมดลูกที่มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากกว่าที่เรียกว่า “รกเกาะต่ำ” แทน จะขัดขวางการคลอดของทารกและทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการเสียเลือดมาก

ทั้งนี้ จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า ทารกที่เกิดจากหญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีขนาดปอดเล็ก มีโอกาสเกิดภาวะหายใจผิดปกติ โรคหอบหืด นอกจากนี้มีการเสียชีวิตด้วยโรคระบบประสาทผิดปกติ หรือพัฒนาการล่าช้า พบโรคสมาธิสั้น ปากแหว่งเพดานโหว่ และโรคไหลตายในทารก (Sudden Infant Death Syndrome : SIDS) สูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับบุหรี่ไฟฟ้า

รศ.พญ.วรินี เล็กประเสริฐ ประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันวิสัญญีแพทย์ต้องซักประวัติเรื่องการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด เพื่อผลการผ่าตัดที่ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และหลังผ่าตัดแนะนำให้งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างทั้งในระหว่างและหลังผ่าตัด เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดผลเสียระบบในร่างกาย

1. ระบบสมอง ทำให้หลอดเลือดสมองตีบ บุหรี่ไฟฟ้าทำลายตัวกั้นกลางระหว่างเลือดและสมอง (blood-brain barrier) ซึ่งถือเป็นตัวป้องกันไม่ให้สารพิษและเชื้อโรคเข้าสู่สมอง

2. ทำให้เกิดการอักเสบของระบบประสาทนำไปสู่โรคทางระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม

3. บุหรี่ไฟฟ้าทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง นำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือด และกล้ามเนื้อหัวใจตาย

4. ระบบทางเดินหายใจและปอด ไอของบุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดการอักเสบ ทำให้หอบเหนื่อย มีเสมหะมาก ไอไม่มีประสิทธิภาพหลังผ่าตัด ทำให้การทำงานของปอดบกพร่อง การหายใจล้มเหลว บางรายถอดเครื่องช่วยหายใจหลังผ่าตัดได้ล่าช้า

5. ผลต่อแผลผ่าตัด นิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัวจะทำให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงแผลน้อย แผลผ่าตัดแยก ติดเชื้อที่แผล นอกจากนี้ สารเคมีในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และนิโคตินทำให้ต้องใช้ยาระงับความรู้สึกมากขึ้น ใช้ยาระงับปวดเพิ่มขึ้น ทำให้ยากต่อการจัดขนาดยาที่เหมาะสม

พ.ญ.รินภา ศิริพร ณ ราชสีมา กรรมการบริหารราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพของผู้สูบในด้านต่าง ๆ แต่ยังส่งผลกระทบต่อคนอื่น ๆ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ที่เรียกว่า บุหรี่มือสอง และบุหรี่มือสาม โดยบุหรี่มือสองคือกรณีที่คนรอบข้างที่ได้ควันบุหรี่ขณะอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่งเรามีโอกาสหลีกเลี่ยงได้ และมีประกาศเขตพื้นที่ปลอดบุหรี่อย่างขัดเจน แต่ยังมีปัญหาอย่างมากกับคนในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าบิดเบือนว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีควันจึงไม่มีผลกระทบของบุหรี่มือสองและสาม

ส่วนบุหรี่มือสาม คือการที่สารพิษของบุหรี่ตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งได้ไม่ต่างจากคนที่สูบบุหรี่ โดยที่คนรอบข้างไม่มีสิทธิ์เลือกและการรับรู้ต่อผลกระทบในด้านนี้ยังน้อย ทำให้ขาดความระมัดระวังทั้งตัวผู้สูบ และผู้ที่อยู่รอบข้าง และคนที่ได้รับผลกระทบทั้งบุหรี่มือสองและมือสามมากที่สุดคือคนในครอบครัวและเด็ก โดยควันบุหรี่สามารถมีสารพิษตกค้างอยู่ในบ้านได้ถึง 6 เดือน และเด็กมีโอกาสได้รับสารพิษมากถึง 2 เท่า

บุหรี่ไฟฟ้ายังมีผลกระทบต่อสังคม ทำให้เด็กไม่มีสมาธิในการเรียน และเรียนไม่มีประสิทธิภาพ จึงหนีเรียน และเข้าสู่วังวนของยาเสพติดอื่น ๆ ซ้ำเติมปัญหาสังคมของประเทศ ก่อให้เกิดความรุนแรง และอาชญากรรมอื่น ๆ ตามมา ยิ่งสูบมากก็จะยิ่งเจ็บป่วยทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง ประเทศสูญเสียศักยภาพของเยาวชนอนาคตของชาติ สูญเสียทรัพยากรในการรักษาพยาบาลจากเงินภาษีของคนทั้งประเทศ รอนสิทธิ์ของคนส่วนใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ ที่สำคัญบุหรี่ไฟฟ้าเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรของคนทั้งโลก และขัดขวางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทางของสหประชาชาติ

ทั้งนี้ 14 ราชวิทยาลัย ประกอบด้วย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ราชวิทยาลัยจิตแพทย์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์ ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์ ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ ราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์ และราชวิทยาลัยจักษุแพทย์

Advertisement

แชร์
เมื่อเด็กกลายเป็นขุมทรัพย์ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า