จากกรณีเมื่อเวลา 00.05 น. ในวันที่ 11 ม.ค. 66 ร.ต.ท.ณัฏฐวัฒน์ อินทร์กรุงเก่า รอง สว.สอบสวน สภ.บางเลน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บางเลน ว่ามีผู้ถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย อาการสาหัสเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบางเลน จึงเดินทางไปตรวจสอบ ต่อมาทีมแพทย์ได้พยายามให้การช่วยเหลือช่วยปั๊มหัวใจและนำตัวส่งโรงพยาบาลนครปฐม ต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนครปฐม
ทราบชื่อผู้ตายคือ ด.ช.ฉัตรชัย สร้อยสิงห์ หรือ ต๋อง อายุ 14 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอย แต่กระสุนออกบริเวณกระหม่อมกลางศีรษะ จึงแจ้งสายตรวจรถยนต์ 20 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 และได้ร่วมเดินทางไปที่โรงพยาบาลบางเลน ทำการชันสูตร ก่อนที่พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจบริเวณที่เกิดเหตุและได้ถ่ายภาพจัดทำบันทึกตรวจที่เกิดเหตุ
จากการสอบถาม นายมิ้ง (นามสมมติ) อายุ 19 ปีเผยว่า ก่อนออกมาจากบ้านได้ดื่มน้ำกระท่อมและชวนกันเล่นเกม ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นรถพ่อเพื่อน มาด้วยกัน 3 คน โดยตนเป็นคนขับและมี นายเต๋า (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นั่งซ้อนเป็นคนกลาง และผู้บาดเจ็บนั่งซ้อนอยู่เป็นคนสุดท้าย ได้ขับจักรยานยนต์ออกมาจากหมู่บ้านดอนยอ มาตามถนนบางเลน-ดอนตูม มุ่งหน้าเข้า อ.ดอนตูม เพื่อจะหาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อสามง่าม ดอนตูม
จากนั้นได้มีรถจักรยานยนต์ไม่ทราบเลขทะเบียนขับตามมา และขับแซงหน้าผ่านไป ก่อนจะจอดอยู่บริเวณปากซอยติดกับบ้านรับซื้อของเก่าที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เข้ามาที่รถจักรยานยนต์จำนวนหลายนัดถูกนายต๋องได้รับบาดเจ็บ ตนเลยได้ขับรถพา นายต๋อง ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางเลน ก่อนจะได้รับแจ้งจากรพ.นครปฐม ว่านายต๋องได้เสียชีวิตแล้วในเวลาประมาณ 01.55 น. โดยกระสุนเข้าบริเวณท้ายทอย กระสุนออกบริเวณกระหม่อมกลางศีรษะ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุพบว่า ที่เกิดเหตุเป็นช่วงระหว่างเข้าซอย ซึ่งไม่พบร่องรอยใด ๆ หรือคราบเลือด จากการเดินเท้าสำรวจห่างจากจุดเกิดเหตุมาประมาณ 50 เมตร กล้องวงจรปิดร้านค้าแห่งหนึ่ง สามารถจับภาพกลุ่มผู้ตายขี่รถซ้อน 3 ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยมีจักรยานยนต์อีกคนขี่ประกบในช่วงเวลา 00.31 น. ถัดมา 00.32 น. พบเพื่อนผู้ตายประคองร่างขี่รถย้อนกลับมา คาดว่าถูกยิงแล้วกำลังพากันไปโรงพยาบาล
ขณะที่ร่าง ด.ช.ฉัตรชัย ผู้ตาย ครอบครัวได้นำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดดอนตูม จ.นครปฐม ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับ น.ส.เหมียว (นามสมมติ) แม่ของนาย ด.ช.ฉัตรชัย ยังร่ำไห้พร้อมกับร้องขอความเป็นธรรมให้ลูก ฝากถึงคนนก่อเหตุว่าทำลูกแม่ทำไม แม่ก็ป่วย มีต๋องเป็นดวงใจเคยให้กำลังใจแม่ แต่ในวันนี้ไม่มีเขาแล้วแม่จะทำอย่างไร
นายมิ้ง คนขับรถจักรยานยนต์ และ นายเต๋า คนซ้อนกลาง รุ่นพี่ นายต๋อง ผู้เสียชีวิต ที่ซ้อนรถไปด้วย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนอยู่บ้านของเพื่อนอีกคน โดยรวมตัวอยู่กัน 6-7 คน นั่งเล่นเกมและดื่มน้ำสมุนไพร หลังจากนั้นได้ชวนกันจะไปร้านสะดวกซื้อ ขับรถซ้อน 3 กันออกไป ในระหว่างนั้นพบกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 6-7 คนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้าน ลักษณะเหมือนกลุ่มที่เคยมาปาระเบิดใส่หน้าบ้าน แต่ไม่แน่ใจว่าใช่กลุ่มที่เคยมาก่อเหตุหรือไหม ตนจึงเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่กังวลจึงให้เพื่อนพกมีดหัวตัดไปด้วย ซึ่งพอพวกตนขี่รถถึงหน้าปากซอยมีการหยุดรถคุยกัน ก่อนขี่รถต่อไปถึงปากซอยพบกลุ่มคนก่อเหตุขี่รถแซงไปดักรออยู่ข้างหน้า
โดยนาทีที่พบกลุ่มก่อเหตุจอดรถรอประมาณ 6-7 คน มีรถจยย.มากัน 3 คัน พบมีคนตัวเล็กใส่เสื้อกันหนาวใส่หมวกฮูทปิดหน้า และสวมแมสวิ่งออกมาพร้อมควักปืน ตนจึงวนรถและจับน้องเพื่อบัง แต่น้องโดนยิงไปแล้ว เลือดไหลเต็มไปหมด จึงรีบพาไปสลับที่นั่งกลาง และบอกเพื่อนและพี่ ๆ ว่าน้องโดนยิงก่อนพาไป รพ. ซึ่งตนเห็นหน้าคนก่อเหตุไม่ชัดแต่เห็นสองคนใส่ฮูดเสื้อกันหนาว และที่เหลือใส่หมวกกันน็อกเต็มใบทั้งหมด แต่ 3 ใน 7 คน เป็นคนที่เคยเห็นผ่าน ๆ ในพื้นที่ และมีคนบอกว่ามีชาย 2 คน วนมาเก็บปลอกปืน เพราะหลังจากที่ตนกลับมาพร้อมตำรวจไม่พบหลักฐานแล้ว
สำหรับชนวนเหตุ น่าจะมาจากเพื่อนในหมู่บ้านที่ไม่ใช่เพื่อนกลุ่มของตนมีเรื่องกับกลุ่มของผู้ก่อเหตุ แต่ไม่แน่ใจว่าเขามีการเหมารวมหรือไม่ เพราะระหว่างที่ขี่รถมาอาจจะเป็นความเข้าใจผิดกว่า ตนเป็นกลุ่มคนที่เขาเคยมีเรื่องกันขี่รถตามก็ระแวงเลยก่อเหตุยิงได้ เพราะตนกับผู้ก่อเหตุไม่เคยมีปัญหากับเขา และคืนนั้นจะไปร้านสะดวกซื้อไม่ได้ขี่รถตามเขาเลย
ส่วนน้องต๋อง ผู้ตาย มีหมายเรียกก็จริง แต่น้องม่ได้ก่อเหตุ น้องถูกกล่าวหาว่าไปปาระเบิดใส่เด็กสามง่าม ไม่น่าจะเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุด้วยซ้ำ อีกทั้งหมายพึ่งออกตอนน้องตาย จึงทำให้ตนให้สงสัยว่าทำไมหมายเรียกพึ่งออกมา จะมาเรียกอะไรตอนน้องตาย น้องจะไปยังไง อย่างไรตามพยายามร้องหาความเป็นธรรมให้น้อง ทั้งหากล้อง หาพยาน เพื่อหวังว่าคนก่อเหตุจะรีบมอบตัว เพราะอยากรู้ว่าทำกันทำไม อยากให้เขาออกมายอมรับกันแบบลูกผู้ชาย และตนไม่ได้อยากจะแก้แค้น ส่วนตัวโกรธมาก ที่ทำไมคนเราไม่ได้ทำอะไรให้กลุ่มนี้ แต่มาทำร้ายทำไม แต่ขอทำทุกอย่างตามกฎหมายดีกว่าแก้แค้นกัน
ด้าน นายต้อ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี พี่ชายผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในส่วนของคนร้ายมีพยานที่เห็นหลายคน โดยตำรวจได้ขอกันตัวไว้แล้ว ตนได้รู้จากปากพยานว่าคนก่อเหตุก็คือเพื่อนสนิทของตนทั้ง 3 คน โดยพยานถึง 2 คนเล่าให้ตนเองฟังว่า เห็นสามคนขี่ประกบตามรถจักรยานยนต์ของน้องชาย แต่ลักษณะเหมือนนายมิ้ง ผู้ขับขี่จะรู้สึกตัวจึงวนรถกลับและมีการก่อเหตุยิง ซึ่งไปโดนน้องตนเองที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หนี แต่ลักษณะทิ้งหลักฐานเอาไว้เป็นลูกกระสุนปืน กลุ่มก่อเหตุจึงได้วนรถออกมาเก็บปลอกลูกกระสุนปืนอีกรอบและมีรถกระบะออกมาบังให้ก่อนหายไปเลย
คนที่ตัวเองสังสัย โดยเฉพาะ นาย ก. เป็นรุ่นน้องที่รักมาก และเพื่อน 2 คน รักมาก หลังทราบตนได้โทรหา นาย ฟ. ทันที เพราะอยากรู้ว่าโกรธแค้นอะไรน้องชายตนแต่เขาไม่ยอมรับ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางสารภาพกับตน โดยที่ นาย ฟ. บอกว่า ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้อยู่ จ.นครปฐม ตนจึงบอกว่า “อ่อไม่เป็นไร น้องกูโดนยิง” แต่ผ่านไปแค่ 10 นาที นาย ฟ. โทรกลับมาถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้างกูพึ่งกลับมาถึงบ้าน ซึ่งตนมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่ นาย ฟ. จะถึงบ้านไว้ขนาดนี้ เพราะระยะทางตัวเมืองนครปฐมมาบางเลน ไกลกันพอสมควร
ส่วนตัวอยากถามเพื่อนว่า ทำไมไม่คุยดี ทำไมต้องใช้อาวุธ น้องอายุแค่นี้ และเราคบกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าทำก็สารภาพมา น้องยังเด็กทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องตนมันไม่มีมูล เพราะน้องกับเพื่อนกลุ่มที่คาดว่าเป็นผู้กาอเหตุเขาไม่เคยมีปัญหากัน ตนคิดว่าเป็นการยิงผิดตัว เนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 10 ม.ค. 66 ที่หน้าบ้านกำนัน นาย ฟ. กับ นาย พ. ไปรุมเตะทำร้ายขู่เด็กเขตนาปู ซึ่งอายุ 16-17 ปี ในเหตุการณ์มีทั้งแตะ ต่อย และเอาปืนจ่อหัว แต่แยกย้ายไป ส่วนเด็กคนนั้นลุกขึ้นได้ก็หนี คิดว่าน่าจะจบกันไปแล้ว ไม่แน่ว่าผู้ก่อเหตุยังฝั่งใจอะไร ก่อนมาเห็นน้องชายตน ซึ่งมีลักษณะตรงกับเด็กที่ถูกรุมทำร้าย คาดว่าความมืดทำให้ก่อเหตุผิดตัวก็เป็นไปได้
ทั้งนี้ทราบว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนประสานว่าจะเข้ามอบตัว ซึ่งตนเองก็ค่อนข้างแน่ใจว่าทั้งสามคนน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่ทราบข่าวว่ามีการมอบตัวหรือไม่อย่างไร อย่างไรก็ตามต่อเหตุการณ์เป็นการยิงผิดตัวหรือการตั้งใจก็ดีตนอยากให้กลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ออกมามอบตัวและอยากถามว่าเด็กทำอะไรให้ทำไมถึงทำโหดร้ายขนาดนี้
สำหรับตนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ๆ เพราะครอบครัวของตนพ่อกับแม่แยกทางกัน ทำให้ตนต้องแยกไปอยู่กับแม่ และน้องแยกไปอยู่กับพ่อ ตนกับน้องค่อนข้างที่จะห่างกัน โดยก่อนจะเกิดเหตุแค่คืนเดียวน้องชายได้โทรศัพท์มาหาถามว่ากินข้าวหรือยังตนเองบอกว่ากินแล้ว และถามน้องกลับว่ากินหรือยังน้องตอบกลับว่ากินแล้ว ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ให้ตนดูแลตัวเองดีดี” ไม่คิดว่าจะจากกัน
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นาย ฟ. พบกับพี่สาวหรือ น.ส.แก้วใจ (นามสมมติ) ได้บอกกับทีมข่าวเพียงสั้น ๆ ว่าเป็นพี่น้องกันจริงแต่ไม่ได้สนิทหรือมีการพูดคุยใด ๆ และไม่พบเจอหน้าน้องเลยตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านตนก็ได้ให้ความร่วมมือตามข้อมูลที่มี และไม่ทราบเลยว่าน้องมีศัตรูหรือไปก่อเหตุทำร้ายใครที่ไหนอย่างไร
