“บิ๊กต่าย” ชง ปปง.อายัดทรัพย์เจ้าของ ดิไอคอนกรุ๊ป

10 ต.ค. 67

“บิ๊กต่าย” ชง ปปง.อายัดทรัพย์เจ้าของ ดิไอคอนกรุ๊ป ป้องกันโยกย้ายช่วงเก็บหลักฐาน สั่งระดม พนักงานสอบสวน เร่งสอบปากคำ ผู้เสียหายอื้อ 

วันที่ 10 ต.ค. 67 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่มีผู้เสียจำนวนมาก เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความ หลังอ้างว่าร่วมลงทุนบริษัทชื่อดังว่า 

ข้อมูลที่เราได้จากผู้เสียหาย มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นกรณีความผิด ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง ในธุรกิจการขายตรง แชร์ลูกโซ่ หรือการหลอกลวงลงทุน ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลที่เราได้จากผู้เสียหาย และมาจัดกลุ่มว่าน่าจะไปในทิศทางนี้ เช่น ผู้ถูกกล่าวหาได้มีการชักชวน เพื่อจะให้ทำธุรกิจ โดยเป็นตัวแทนของบริษัท มีการอบรม เสียค่าอบรม จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเปิดเครดิต ด้วยการแบ่งเป็นระดับ อาจจะเป็นแค่ธรรมดา 2,500 บาท หรือเป็นซุปเปอร์ก็จะ 25,000 บาท พอเป็นดีลเลอร์ต้องจ่าย 250,000 บาท และมีเครดิตสินค้าที่สต๊อกอยู่กับบริษัท และที่เอาสินค้าไปขายเอง 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

ส่วนของดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้อง มีหลักฐานพอที่จะดำเนินการเอาผิดหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนมา เจตนาของตนคืออยากมาดูว่าผู้เสียหายมีขนาดไหน และอยากมาพบด้วยตนเอง มาสอบถามตำรวจว่าทำอะไรถึงไหนอย่างไร ให้คำแนะนำอะไรบ้าง และผู้เสียหายที่บอกว่าเสียหาย ในพฤติการณ์และข้อเท็จจริงคืออะไร อยากจะให้เขารู้สึกได้ว่าเราเข้าใจเขา ทุกคนต้องหาเช้ากินค่ำต้องพยายามลงทุนอะไรก็ได้ที่เลี้ยงชีพกับครอบครัวตัวเอง แต่ในทรัพย์สินเหล่านั้น เมื่อลงทุนไปแล้วกลายเป็นว่าถูกหลอกหรือไม่ สินค้าก็ขายไม่ได้ ความรู้สึกในใจกับทรัพย์สินที่ต้องเสียไป ตนเข้าใจจึงอยากมาเจอผู้เสียหายทั้งหมด เพราะเขาโดนหลอก หรือโดนชักชวนลงทุนอะไรอย่างไร 

ทั้งนี้ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวก และบริการเรื่องการสอบปากคำเบื้องต้น โดยกองบัญชาการสอบสวนกลางได้ระดมพนักงานสอบสวนมาช่วยกันสอบปากคำ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วเราก็จะมาพิจารณาร่วมกับข้อกฎหมายว่าเป็นความผิดในเรื่องของธุรกิจขายตรงหรือไม่ แชร์ลูกโซ่หรือไม่ หรือเป็นการหลอกลวงผ่านคอมพิวเตอร์หรือไม่ ส่วนศิลปินดาราจะปรากฏข้อเท็จจริงก็ต่อเมื่อเราได้ข้อเท็จจริงในวันนี้ และหากพบว่าเป็นการกระทำความผิดที่มีส่วนร่วม หรือเป็นผู้ร่วมหรือสนับสนุน การกระทำความผิดจะแตกต่างกันด้วยข้อเท็จจริงที่ปรากฏกับข้อกฎหมายที่เกิดขึ้น 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

ซึ่งตนยืนยันกับผู้เสียหายว่า ขอให้มั่นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนกำชับตำรวจว่าไม่มีละเว้นใครทั้งนั้น ผิดต้องดำเนินคดี เราจะต้องใช้กฎหมายสร้างความสงบสุขให้กับสังคม ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ต่อสู้มา ซึ่งธุรกิจที่เกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ และหลอกลวงประชาชน ในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและผิดกฎหมายจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก 

ดังนั้นศิลปิน หรือผู้ที่มาไลฟ์ หรือช่วยในการโฆษณาสินค้าก็จะดูข้อเท็จจริงในเบื้องต้นก่อนว่าผิดอะไร และเขาอยู่ในระดับที่เราจะพิจารณาความผิดเขาแค่ไหน สำหรับวันนี้สอบปากคำไปได้ประมาณเกือบ 80 ปาก และมูลค่าความเสียหายประมาณ 31 ล้านบาท และอาจจะมีอีกมากกว่านี้ก็ได้ อยู่ระหว่างการรวบรวมและสอบปากคำ 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตนเน้นย้ำว่าตำรวจต้องอำนวยความสะดวก จัดประเด็นการสอบปากคำ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเข้าสู่ข้อกฎหมายทั้งหมด จากนี้จะพยายามประชาสัมพันธ์ว่าใครที่ไม่สะดวกในการเดินทางมา ก็แจ้งความได้ในระบบโทรศัพท์สายตรง หรือแจ้งผ่านระบบเดียวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือวอล์คอินที่โรงพักใดก็ได้ หรือจะเข้ามาที่นี่ก็ได้ โดยจะมีการตั้งเป็นศูนย์รับความช่วยเหลือ ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุ จะมีการแบ่งขั้นตอนปฏิบัติให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ เพราะเราเข้าใจความเดือดร้อน และความเสียหายที่เกิดขึ้น 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

กรณีดิไอคอนกรุ๊ปตนกล้าพูด เพราะผู้เสียหายเอ่ยชื่อออกมา แต่จะผิดหรือไม่ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือ  สอบสวนปากคำก่อน ซึ่งคงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมาย คิดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็จะรู้ว่าที่มาแล้ว ข้อเท็จจริงมีมีความผิดในฐานใด แล้วเราจะเข้าสู่ขั้นตอนออกหมายเรียก หากไม่มาก็ออกหมายจับ 

ตนยืนยันได้ว่าสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือเรื่องเงิน ซึ่งตอนนี้ย้ำว่าตำรวจยังไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ แต่ตำรวจห่วงใย จึงทำหนังสือถึง ปปง. เพื่อใช้อำนาจในการควบคุม และเบรกทรัพย์ไว้ไม่ให้เคลื่อนย้าย และขยับ ซึ่งตำรวจเราทำทุกอย่าง เพื่อให้ประชาชนที่เดือดร้อนได้ให้ข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องทรัพย์เราพยายามหยุดยั้งไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะปรากฏความผิดอะไรหรือไม่ หากพบความผิดแล้ว ต่อจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการฟ้องร้อง และเมื่อเข้าสู่กระบวนการก็จะจะต้องมีการเฉลี่ยทรัพย์คืน ซึ่งต้องใช้เวลาในเรื่องของกระบวนการสอบ และพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เราพยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่า 4-5 วันน่าจะได้รายละเอียดทั้งหมด 

หากจำเป็นต้องตั้งคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนขึ้นมาก็ต้องทำ เพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบในข้อกฎหมาย เพราะรายละเอียดมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นธุรกิจขายตรง เรื่องของการหลอกขายสินค้าหลอกลงทุน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่มีความเป็นไปได้ในทั้งหมดนี้ 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ส่วนเรื่องผู้เสียชีวิตนั้น ณ เวลานี้ ตนยังไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิต ตนมุ่งมาในเรื่องของผู้ที่เดือดร้อนก่อน หากสมมติมีการทำร้ายตนเองจนเสียชีวิต เราต้องดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ถ้าสาเหตุเกิดจากเรื่องนี้ พฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดจากความเจ็บช้ำน้ำใจ และทุกข์ทรมานจากทรัพย์สินที่สูญหายไปทั้งชีวิตต้องมาเสียชีวิตจากเรื่องนี้ นั่นคือพฤติการณ์ที่ต้องบรรยายลงในรายงานการสอบสวน 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

แต่ในเบื้องต้นที่ตนไปถามผู้เสียหาย เรามองได้ว่ามันเข้าข่ายธุรกิจขายตรง หลอกขายสินค้าหลอกลงทุน ซึ่งมีมันมีความเป็นไปได้ ดังนั้นตนมั่นใจว่าในข้อเท็จจริงที่จะปรากฏออกมามั่นใจว่าจะมีความผิดในบางข้อหา แต่ถ้าโดนหมดก็เอาให้หมด 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สำหรับคนที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมดำเนินกิจการนี้ หรือคนที่มาไลฟ์สดโชว์สินค้า และช่วยโฆษณา ตนเข้าใจเหมือนกันว่าพวกคุณต้องการเงิน แต่คุณรู้หรือเปล่าว่านี่คือผิด ถ้าความผิดปรากฏก็จะออกหมายเรียกเชิญมาให้ถ้อยคำ ถ้าพบการกระทำผิดด้วยก็แจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอน หลักฐานก็มาจากข้อมูลทางโทรศัพท์ทางแชต และบัญชีทางการเงิน เหล่านี้คือพยานเอกสารที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการรวบรวมข้อเท็จจริง ถ้าครบองค์ประกอบว่ามีความผิดออกหมายเรียกทันที ซึ่งเบื้องต้นเราจะไปดำเนินกิจการกับเจ้าของบริษัทก่อน จากนั้นจะขยายความไปสู่ผู้เข้าร่วมกิจการ 

ส่วนข้อมูลที่มีการปรากฏว่ามีการขู่เอาชีวิตกัน ตนก็อยากให้มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนได้คุยกับผู้บัญชาการสอบสวนกลางผู้บังคับการกองปราบปรามว่าขอใช้ขีดความสามารถของตำรวจที่มีในด้านเทคโนโลยีหาตัวคนที่ขู่ด้วยวิธีต่างๆ เราจะเอาตัวให้ได้ และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์กับผู้ที่หวังดีกับประชาชน 

เมื่อถามว่า ในส่วนของดาราได้เงินเดือนจากบริษัทจะต้องเข้าข่ายอายัดทรัพย์สินด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงว่าการที่เขาได้เงินไปเขามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หรือเป็นตัวการในการกระทำความผิดร่วมกันหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏ ตนยืนยันว่าโดนทุกรายไม่มีละเว้น 

เมื่อถามว่า จนถึงตอนนี้มีดารา หรือคนที่มีชื่อเสียงติดต่อเข้ามาขอให้ข้อมูล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี แต่หากข้อเท็จจริงปรากฏ และพิจารณาร่วมกับข้อกฎหมาย ดังนั้นจะมีดาราดังติดคุกกี่คน เรายืนยันว่าไม่มีละเว้น คุณต้องมารับทราบข้อกล่าวหา หากทำผิด ทรัพย์สินต้องมาคืนเขาอย่างไร คือเป้าหมายของตน ต้องนำเงินมาคืนผู้เสียหาย ตนไม่ช่วยใครทั้งนั้น ไม่ต้องมาวิงวอน และขอความช่วยเหลือ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส