กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กภาพพร้อมข้อความ ระบุว่า "วันนี้ 4 พ.ย.เวลา 16.00 น. จะมีการตั้งโต๊ะแถลงการณ์ใหญ่จากกลุ่มราษฎร ที่บริเวณสนามหลวง โปรดติดตาม #เราคือราษฎร #ธรรมศาสตร์และการชุมนุม"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลังชนฝาแล้ว! "คณะราษฎร" ประกาศเลิกเจรจารัฐบาล จนกว่า "ประยุทธ์" จะลาออก
ล่าสุดวันที่ 4 พ.ย.63 เวลา 16.00 น. แกนนำกลุ่มราษฎร นำโดยนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง นายณัชนนท์ ไพโรจน์ นายอรรถพล บัวพัฒน์ (ครูใหญ่ขอนแก่นพอกันที) นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา และไผ่ ดาวดิน หรือ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา พร้อมแนวร่วมธรรมศาสตร์และและการชุมนุม ซึ่งเป็นตัวแทนจากกลุ่มต่าง ๆ เดินทางมาร่วมแถลงการณ์ เพื่อแสดงจุดยืนกับคณะกรรมการสมานฉันท์ และพร้อมทั้งยืนยันจะไม่ลดเพดานข้อเรียกร้อง และการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ
จากนั้นแกนนำกลุ่มราษฎร เริ่มอ่านแถลงการณ์อย่างพร้อมเพรียงกัน และประกาศจุดยืนว่าจะไม่ยอมรับ และไม่สังฆกรรมกับคณะกรรมการที่ฝ่ายรัฐบาลจะจัดตั้ง และขอยืนยันว่าปัญหาของประเทศ จะไม่สามารถแก้ไขได้ หากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก พร้อมยืนยันไม่มีการลดเพดานการเรียกร้อง และย้ำจุดยืน 3 ข้อเรียกร้องดังนี้
1.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
2.แก้รัฐธรรมนูญโดยประชาชน เพื่อประชาชน
3.ปฏิรูปสถาบัน
นายณัชนนท์ ไพโรจน์ กลุ่มราษฎร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้ง คณะกรรมการสมานฉันท์ของรัฐบาล และเห็นได้ว่าหากรัฐยังไม่สามารถหยุดดำเนินคดี กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองได้นั้น จะไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ และหากจะเริ่มต้นกระบวนการที่รัฐจะต้องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จะต้องไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ทำให้เห็นว่า "รัฐ ไม่ต้องการเจรจากับพวกเรา เราก็จะไม่เจรจากับภาครัฐ เช่นเดียวกัน"
อย่างไรก็ตาม นายณัชนนท์ ย้ำชัดเจนว่า ได้มีการกำชับผู้ร่วมชุมนุมว่า อย่าใช้อาวุธ อย่าใช้ความรุนแรง ให้ใช้เหตุผลและความถูกต้อง ต่อสู้กับเผด็จการ พร้อมทั้งบอกว่า มวลชนกลุ่มราษฎรยังต่อสู้ และแกนนำหลายส่วนยังคงเคลื่อนไหว ตอนนี้มวลชนไม่ได้หายไปไหน แต่กำลังพักสะสมกำลังก่อนสู้รบ และเรียกร้องครั้งยิ่งใหญ่กับรัฐบาลอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน "ไผ่ ดาวดิน" หรือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา แกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่การพยายามแก้ไขที่แท้จริง และหากพลเอกประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงอยู่ในอำนาจการบริหาร และมี ส.ว. 250 คน อยู่ในรัฐสภา การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขรัฐสภา จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ ฟังเสียงบนท้องถนนบ้าง
ที่ผ่านมาจากท่าทีของนายกรัฐมนตรี ที่จะ "ไม่ยอมลาออก" จากตำแหน่งนั้น "ไผ่ ดาวดิน" ระบุว่า ต่อไปนี้จะเป็นการรวมเครือข่ายทุกภูมิภาค ทุกเครือข่าย เพื่อมาวางแผนวางระบบ การต่อสู้กับรัฐบาล และจะมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งอย่างแน่นอน
"ไผ่ ดาวดิน" ระบุด้วยว่า การชุมนุมจะใช้ชื่อการชุมนุมที่เรียกตนเองว่า "ราษฎร" ที่มีการเคลื่อนไหวการต่อสู้ แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่ชัยชนะของกลุ่มราษฎร ได้ปรากฏแล้ว ภายหลังจากที่มีการยกเลิก พ.ร.ก ฉุกเฉิน ตนยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร และกลุ่มก้อนต่าง ๆ จนถึงปัจจุบันมีคนร่วมเส้นทางมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงไปพร้อมกัน
ขณะที่นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ขอนแก่นพอกันที แกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่หยุดที่จะดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมทางการเมือง อีกทั้งในปัจจุบัน นักเคลื่อนไหวหลายคน ยังมีคดีคงค้างอยู่หลายโรงพัก นี่คือสิ่งที่แสดงออกว่ารัฐบาลไม่อยากเจรจากับพวกเรา และพวกเราก็จะไม่ขอเจรจาด้วย ประชาชนเป็นฝ่ายที่ถูกรัฐบาลคุกคามและลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เราจะไม่ยอมถอยอีกแล้ว เราสู้จนหลังชนฝา
กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน และตัวแทนกลุ่มภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน อาทิ นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ตัวแทนคณะบุคคลเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นายทินกร ปลอดภัย เลขาฯ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และนายกสมาคมกีฬามีนบุรี นายทศพล มนูญญรัตน์ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ และนายสมเดช คงวิจิตร์ เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในเหตุการณ์ที่ปะทะกับกลุ่มคณะราษฎร ภายใต้การนำของกลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณหน้าตึกสำนักงานอธิการบดี เมื่อวันที่ 21 ต.ค.63 ที่ผ่านมา
นายทินกร ระบุว่า ตนอยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง จะมีวิธีการอะไรกับพวกเรา อีกทั้ง พวกเราไม่ได้มีความหนักใจใด ๆ ทั้งสิ้น แต่วันนี้ถึงเวลาที่ต้องพูดต้องเล่าให้ฟัง เพราะพวกเราโดนกดดันจากหลากฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนตัวขอยืนยันว่า เราจะเดินหน้าต่อ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เพราะโดนยัดเยียดความผิด เราพร้อมจะสู้แต่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง ความจริงก็คือความจริง เพราะสิ่งที่ตนพูดนั้นก็คือความจริง และเราต้องการประกาศเจตนารมณ์เพื่อแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย และต้องการปกป้องสถาบัน
นอกจากนี้ ตนไม่รู้ว่าจะมีการตั้งเวทีของฝ่ายตรงข้าม และทำไมคนนอกถึงมาตั้งเวทีและอ้างชื่อ ม.รามคำแหง อย่าพยายามใส่ร้ายป้ายสี หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น แกนนำหนีไป และปล่อยให้เยาวชนที่มาชุมนุมต้องเจอสถานการณ์ อย่าใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือ อย่าทำร้ายนักศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่โกหกทั้งเพ เพราะกลุ่มของตนเดินไปเพื่อห้ามปราม โดยไม่ได้ใช้กำลังความรุนแรง
ด้านนายทศพร เปิดเผยว่า ไม่ได้กลัวหรือว่าระแวงอะไร ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำไปคือต้องการปกป้องสถาบัน และบุคคลที่การจาบจ้วง ล้อเลียนสถาบันนั้น หากตนเห็นจะไม่เอาไว้ จะขอสู้กลับ เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่ทำ หากอยู่ในประเทศไทยแล้วไม่มีความสุขก็จะออกไป “เจอที่ไหน ไม่เอาไว้” เพราะชาวอาชีวะกล้าทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง รวมทั้งคณะก้าวหน้า หากจะฟ้องตนก็พร้อม เพราะคุณทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องกับประเทศ และตนขอฝากถามไปยัง นายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ว่า “สถาบันทำอะไรให้คุณเกลียด ทำไมคุณถึงต้องการปฏิรูป” หากคุณพร้อม ตนก็พร้อมเช่นกัน