จากกรณีนางสาวศิริพร สิงห์สาคร อายุ 33 ปี ชาวบ้านผักตบ ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานร สูญเสียน้องเนเน่ ลูกสาววัย 5 เดือน 14 วัน ถือเป็นการเสียลูกเป็นครั้งที่ 3 ลูกทุกคนที่จากไปล้วนจากไปในวันที่ 14 ซึ่งทางครอบครัวได้รอคอยการมาของหมอปลาให้มาช่วยเหลือคลายข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์หรือไม่นั้น
วันที่ 26 พ.ค. 64 หมอปลาพร้อมสื่อมวลชนเดินทางมายัง รพ.สต.ผักตบ ในเวลา 11.45. น. เพื่อทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ Rapid Test (3 ชั่วโมงรู้ผล) ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังบ้านของน้องเนเน่ ตามมาตรการป้องกันของอำเภอหนองหาน จ.อุดรธานี โดยทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เข้ารับการตรวจเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ทางอำเภอหนองหานจำกัดจำนวน อนุญาตเพียง 7 คน เป็นสมาชิกของครอบครัวน้องเนเน่ พ่อ แม่ น้องเนตร ปู่ ย่า ตา ยาย จากนั้นเวลาประมาณ 12.30 น. หมอปลาเดินทางไปยังบ้านของน้องเนเน่ ทางอำเภอหนองหานก็ได้มาตั้งเต็นท์จุดคัดกรอกอีกชั้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโควิด-19 พร้อมกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่
หลังจากที่หมอปลาได้เข้ามาทักทาย นางสาวศิริพร สิงห์สาคร และนายพงษ์เทพ ใต้ชมพู ได้ขออนุญาตเดินดูรอบบ้าน ที่หลังบ้าน หมอก็ได้เหยียบกับก้อนหินก่อนหนึ่ง พร้อมแสดงอาการคลื่นไส้ น้ำมูกไหล หยิบผ้าข้าวมาขึ้นมาเช็ดเหงื่ออยู่ตลอดเวลา บอกว่า "ผมรู้สึกไม่ดี ผมแย่"
จากนั้น หมอปลาได้ช่วยกันกับตาของน้องเนเน่ ใช้จอบชุดหินบริเวณหลังบ้านขึ้นมา พบว่าเป็นหินซึ่งมีขนาด 1 คนโอบ และมีความสูงประมาณ 60 ซม. น้ำหนักประมาณไม่ได้ แต่ต้องใช้คน 3-4 คนในการอุ้มหินก้อนดังกล่าวขึ้นรถเข็น เพื่อนำหินขึ้นท้ายรถกระบะ
ทีมข่าวสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของหมอปลาไม่สู้ดีนัก ซึ่งหมอปลาบอกว่าต้องทำลายหินทิ้งนอกบริเวณบ้าน เพราะพลังงานลบพลังงานไม่ดี จะได้มีตกข้างอยู่ภายในบ้าน ทั้งนี้เมื่อหินถูกทำลาย พลังงานไม่ดีก็จะค่อย ๆ เสื่อมไปเอง
เมื่อเดินทางมาถึงวัดป่าเมตตาปัญญาพุทธคุณ ทุกคนก็ได้ช่วยกันกลิ้งหิน มีพลังงานไม่ดีลงมาจากท้ายรถกระบะ หมอปลาได้กระซิบบอกทีมข่าวว่า หินดังกล่าวหากตั้งขึ้นและมองให้ดี จะมีลักษณะเหมือนหน้าคนหรือกะโหลกคน หลังจากที่ทุกคนช่วยกันตั้งหินขึ้น ทีมข่าวได้พิจารณามองดูแล้วถ่ายรูปไว้ ทุกคนล้วนแต่รู้สึกว่าหินดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับหน้าคน
จากนั้นหมอปลาก็ได้ทำการทุบหิน ใช้ค้อนทุบแตกไปครึ่งก้อน จากนั้นทนายโนบิตะ เพื่อนสนิทก็ได้มารับช่วงทุบหินต่อ ตามมาด้วยอีกหลายคน เช่น นายวิทยา ช่างภาพของอมรินทร์ทีวี และตาของน้องเนเน่ ซึ่งได้ทุบหินดังกล่าวด้วยความโมโห พร้อมพูดออกมาขณะทุบว่า "มึงทำหลานกูตาย" เช่นเดียวกันกับยายของน้องเนเน่ที่เข้ามาช่วยทุบหินด้วยความแค้น และส่งเสียงเชียร์ตาของน้องเนเน่ขณะทุบหิน
นายกำธร สิงห์สาธร ตาของน้องเนเน่ เล่าว่า หินดังกล่าวเป็นหินที่ติดมากับรถขนดินเมื่อ 30 ปีก่อน ขณะที่ครอบครัวกำลังปลูกบ้าน 1 คืนก่อนที่น้องเนเน่จะเสียชีวิต ญาติคนหนึ่งได้ฝันว่าได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางมาที่บ้านของน้องเนเน่ พบเห็นชาย 1 คน และหญิงอีก 3 คน นั่งหันหลังอยู่บริเวณเสาภายในบ้าน แต่ประตูบ้านนั้นถูกปรับเปลี่ยนทิศ เปลี่ยนจากเดิมไปตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของคนตาย
เมื่อญาติถามว่า "ทำไมมานั่งในบ้านคนอื่น" ชายคนที่นั่งอยู่ได้หันกลับมาตอบว่า "นี่มันบ้านของผม" จากนั้นวันต่อมา น้องเนเน่ก็เสียชีวิต ตนตั้งขอสังเกตว่าชาย 1 คน หญิง 3 คน นั้นเท่ากับจำนวนของคนที่เสียชีวิตภายในบ้านหลังนี้ ได้แก่ น้องพอช น้องปารตี้ น้องเนเน่ และพี่สาวของนางสาวศิริพรที่เสียชีวิตขณะอายุได้เพียง 10 ขวบ
วันนี้ตนสบายใจขึ้นที่หมอปลาเข้ามาช่วยเหลือ ตนแค้นหินก้อนดังกล่าว เพราะหมอปลาบอกว่าเป็นต้นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้หลาน ๆ ของตนเสียชีวิต ซึ่งหินก้อนดังกล่าวเป็นหินที่นำมาถมที่ขณะปลูกบ้านเมื่อ 30 ปีก่อน ไม่ทราบความเป็นมาของหิน ขณะที่ตนทุบหินตนมีความคิดว่าจะเอาให้ตาย เพราะหินก้อนนี้ได้พรากชีวิตคนที่ตนรักไป ได้แก่ น้องพอช น้องปารตี้ น้องเนเน่ และพี่สาวของนางสาวศิริพร ที่เสียชีวิตขณะอายุได้เพียง 10 ขวบ ตนอยากอุ้มหลาน ตนอยากเลี้ยงหลาน อยากพาหลานไปโรงเรียน อยากเฝ้าดูหลานเติบโต จากนี้ตนจะดูแลน้องเนตรต่อไป จะรอวันที่ลูกสาวและลูกเขยของตนพร้อม เพราะตนอยากมีหลานอีก แต่คงจะต้องรอให้ครอบครัวรักษาจิตใจ และทำใจกับเรื่องที่ผ่านมาให้ได้ก่อน
จากนั้นเมื่อทุกคนเข้ามาภายในตัวบ้าน หมอปลาก็ได้ขอให้นางสาวศิริพร พาตัวน้องเนตรมาพบ หมอปลาได้ขอให้ผู้หญิงในหมู่บ้านคนหนึ่ง มาช่วยเป็นสื่อกลางพลังงานภายในตัวน้องเนตร หมอปลาให้หญิงคนดังกล่าวนั่งเหยียดขาตรงและจับมือน้องเนตรไว้ ส่วนหมอปลาก็จะจับมือ จับแขน จับหัวของน้องเนตร จากนั้นก็ได้ถามหญิงคนดังกล่าวว่า ร้อน เย็น ชาที่ปลายขาหรือไม่ หญิงคนดังกล่าวก็ตอบว่ารู้สึก ร้อน เย็น ชา ที่ปลายขา เมื่อหมอปลาปล่อยมือของตัวเองออกจากน้องเนตร หญิงคนดังกล่าวก็หายรู้สึก ให้เหตุผลว่าที่ต้องเรียกผู้หญิงในหมู่บ้านมาเป็นสื่อกลางพลังงานภายในตัวและรอบตัวของน้องเนตรที่รั่วไหลออกมา เพราะหมอปลาไม่อยากให้คนที่ติดตามข่าวนี้อยู่หาว่านำหน้าม้ามาแสดง
จากนั้น หมอปลาก็ได้ขอให้นายพงษ์เทพ พ่อของน้องเนเน่ให้นั่งเหยียดขาตรง จากนั้นหมอปลาก็ได้ใช้มือแตะที่หลัง ที่มือ และที่หัว พร้อมถามว่านายพงษ์เทพรู้สึกร้อน เย็น ชาบริเวณปลายเท้าหรือไม่ นายพงษ์เทพก็ตอบว่ารู้สึก อีกทั้งหมอปลายังได้ลองใช้ฝ่ามืออังบิรเวณหลังมือและหัวของนายพงษ์เทพ ฝ่ามือไม่แตะผิวหนัง นายพงษ์เทพก็บอกว่ารู้สึกร้อน เย็น ชาที่บริเวณปลายเท้าเช่นกัน หมอปลาให้เหตุว่าขณะนี้พลังงานที่มองไม่เห็นได้รั่วไหลออกมาจากตัวของทุกคนในครอบครัวของน้องเนเน่แล้ว เชื่อว่าตายายของน้องเนเน่ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็น่าจะมีพลังงานรั่วไหลเช่นกัน หมอปลาสัมผัสได้ว่าบ้านของน้องเนเน่เป็นศูนย์กลางของพลังงานด้านลบจากป่าช้าเก่า หากปล่อยไว้ไม่ช่วยเหลือ อาจจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นตามมา "บางครั้งวิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ เช่น ทำไมเด็กต้องตายโดยมีเลข 14 มาเกี่ยวข้อง 14 เป็นเลขความรัก ความบริสุทธิ์ สังเกตได้ว่าคนที่เสียชีวิตไปเป็นเด็กที่บริสุทธิ์ทั้งนั้น"
จากนั้น หมอปลาก็ได้บอกกับครอบครัวของน้องเนเน่ว่า พรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น เวลาประมาณ 05.00 น. ขอให้ครอบครัวของน้องเนเน่เตรียมน้ำซาวข้าวน้ำแรก และหญิงพรหมจรรย์ 1 คน พร้อมใบไม้ เช่น ใบมะยม เพื่อที่เมื่อแสงพระอาทิตย์แรกของวันส่องลงมา หมอปลาจะได้ทำพิธีล้างอาถรรพ์บ้านให้ โดยจะให้หญิงพรหมจรรย์ขอพร จากนั้นหมอปลาจะนำน้ำซาวข้าวพรมให้ทั่วรอบบริเวณบ้าน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ถือเป็นวันที่ดีพอดี เนื่องจากเป็นวันวิสาขบูชา ความเชื่อน้ำซาวข้าว หากใช้ตอนพระอาทิตย์ตกถือเป็นการสาปแช่ง หากใช้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นถือเป็นการล้างสิ่งไม่ดี
ด้านนางสาวศิริพร และนายพงษ์เทพ พ่อแม่ของน้องเนเน่ บอกว่า ตนรู้สึกดีที่หมอปลาเดินทางมาช่วยเหลือ เชื่อว่าจะมีสิ่งดี ๆ ตามมาในอนาคต สำหรับพิธีในวันนี้หมอปลาได้บอกตนว่าภายในบ้านรวมถึงภายในตัวของคนในครอบครัว มีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่รอบ ๆ ตนมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ โดยต้องรอดูว่าในอนาคตจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นหรือไม่ หากไม่มีก็ถือว่าพิธีของหมอปลานั้นสำเร็จแล้ว วันนี้พวกตนมีกำลังในมากขึ้นในการดำเนินชีวิต สังเกตได้จากพ่อของตนที่พอเมื่อรู้สาเหตุก็ได้ระบายอารมณ์ทุบหินออกมาเต็มที่
สำหรับความเชื่อเรื่องเผาศพไม่ไหม้ ตนมองสาเหตุเป็น 2 สาเหตุ ทั้งวิทยาศาสตร์ อาจเกิดจากแช่ร่างไว้ในโลงเย็นนานเกิดไป หรือห่อร้างด้วยผ้าห่อร่างที่เปียก และศพมีห่วงหรือกังวล โดยที่หมอปลาบอกว่าครอบครัวจะร้อนเมื่อศพของน้องเนเน่เผาไม่ไหม้ ตนอยากจะบอกว่าตนรุ่มร้อนมาโดยตลอดอยู่แล้วตลอดหลายปี แต่ตนเชื่อว่าหมอปลาจะแก้ไขทุกสิ่งได้ ตนสบายใจขึ้น แต่คงไม่ทั้งหมด โดยอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก ตนถึงจะปล่อยวาง เพราะตนกลัวว่าลูกและคนในครอบครัวจะเป็นอะไรไปอีก จากนี้ หลังเสร็จสิ้นพิธีของหมอปลา ทางครอบครัวจะทำพิธีสวดถอน และตรวจร่างกายทุกคนในครอบครัว ถือว่าทำทุกทางเท่าที่จะทำได้
นายพงษ์เทพ บอกว่า ตนรู้สึกตกใจเมื่อได้รับรู้จากหมอปลาว่ามีพลังงานไม่และสิ่งอื่น ๆ อยู่ภายในบ้าน โดยในวันนี้ ตนต้องของคุณหมอปลามากที่ช่วยมาปล่อยสิ่งเหล่านี้ออกไป ตนยอมรับว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนนอนผวาทุกวัน เมื่อคืนนี้ตนฝันเห็นน้องเนเน่ ได้มานอนหยอกล้อกับลูกสาว ตนเชื่อว่าน้องเนเน่น่าจะสบายใจที่หมอปลาจะมาช่วยเหลือ แล้วคงจะไปสู่สุคติ
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา บอกว่า ก่อนจะเดินทางมาบ้านน้องเนเน่ ตนฝันขณะครึ่งหลับครึ่งตื่น 2 ฝันด้วยกัน ใน 2 คืน โดยคืนแรกฝันเห็นศาลปูนเก่าสีขาว มียันต์หัวกะโหลกสีแดงติดอยู่ภายใน คืนต่อมาตนฝันเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกับสิงห์อีก 1 ตัว โดยหญิงคนดังกล่าวไม่ต้อนรับตน แล้วปล่อยสิงห์มาทำร้ายตน แต่ชายคนนี้ห้ามไว้ ตนเชื่อว่าชายหญิงคู่นี้คือยายกะลาตากะลี ซึ่งเป็นเจ้าป่าช้า ผีทุกตนและหมอผีต้องกลัว แต่ตนไม่กลัว ในวันนี้ตนเจอหินที่มีพลังงานด้านลบ มีพลังงานที่แรงมาก ตั้งอยู่ในจุดที่ตนฝันเห็นศาลปูนเก่าสีขาว ซึ่งหินมีรูปร่างคล้ายหน้าคน ตนเชื่อว่าที่น้องเนตรยังมีชีวิตอยู่ เพราะหลวงตาที่ครอบครัวนับถือพาน้องเนตรไปผูกข้อมือกับพระ ถือเป็นการแก้เคล็ด
แต่ทั้งนี้ หากไม่ทำลายหินหรือล้างอาถรรพ์ในอนาคต ครอบครัวนี้ก็จะเกิดเรื่องร้ายอีก ไม่ใช่เกิดขึ้นแค่กับเด็กเกิดใหม่ แต่ผู้ใหญ่ก็จะประสบเรื่องร้ายด้วย เพราะขณะนี้พลังงานได้ไหลออกมาจากตัวของทุกคนในครอบครัวแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันมงคลวิสาขบูชา ตนจะล้างอาถรรพ์ ใช้น้ำซาวข้าวน้ำแรกกับแสงพระอาทิตย์แรกของวัน และสาวพรหมจรรย์ในการทำพิธีล้างอาถรรพ์
