Tesla ยอมหั่นราคากู้ยอดขายใน 'จีน' หลังเสียแชมป์เบอร์ 1 ให้ BYD

หลังจากเสียตำแหน่งผู้ผลิตอีวียอดขายอันดับหนึ่งในโลกให้ BYD จากยอดขายที่ลดลงมากในจีน Tesla ก็ยอมหั่นราคารถยนต์ตัวเองในจีนเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสามเดือน เพื่อดึงให้ลูกค้าที่อาจจะกำลังคิดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกในประเทศเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย หันกลับมาเลือก Tesla อีกครั้ง

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

จากการรายงานของ CNN ราคาของ Tesla Model Y และ Model 3 ซึ่งผลิตในโรงงานที่เมืองเซี่ยงไฮ้ จะถูกปรับให้ลดลงประมาณ 10% และ 13% ทำให้ในตอนนี้ราคาของรถ 2 รุ่นนี้ในจีนอยู่ที่ประมาณ 259,900 หยวน (ราว 1,283,952 บาท) และ 229,900 หยวน (ราว 1,135,746 บาท) ซึ่งถูกกว่าราคาที่ขายในสหรัฐฯ ถึงมากกว่า 30%

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Tesla ปรับลดราคารถง้อลูกค้าในจีนหลังยอดขายลด โดยในเดือนตุลาคมปี 2022 ที่ผ่านมา Tesla ได้ปรับลดราคาสองรุ่นนี้ในจีนแล้วถึง 9.4% หลังจากปรับขึ้นราคามาหลายครั้งในช่วงต้นปี

ในเดือนธันวาคม Tesla จำหน่ายรถที่ผลิตจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้ได้เพียง 55,796 คัน ลดลง 44% จากเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ยอดขายทั่วโลกลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่มีคู่แข่งรายเล็กจำนวนมากเช่น Nio, BYD และ Xpeng เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด และภาวะเศรษฐกิจซบเซาในจีนจากนโยบาย Zero-Covid

นอกจากนี้ จากนโยบาย Zero-Covid โรงงานผลิต Tesla ในจีนยังต้องประสบปัญหาในการผลิต และไม่สามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าได้ตามเป้า ทำหุ้นตกไปมากกว่า 60% ในปี 2022

โดยจากข้อมูลของ CNN ยอดขายของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเอาชนะ Tesla ไปได้เรียบร้อยแล้วในปีที่ผ่านมาด้วยยอดขายทั้งหมด 1.86 ล้านคัน ในขณะที่ Tesla ทำยอดขายไปได้เพียง 1.31 ล้านคัน เพราะลูกค้าในจีนส่วนมากต้องการรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่าย และเลือกซื้อรถของ BYD ที่ราคาถูกกว่า Tesla

โดยนอกจากจีนแล้ว Tesla ยังได้ปรับลดราคารถยนต์หลายรุ่นในญี่ปุ่นไปถึง 10% ในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่าน และลดราคารุ่น Model Y และ Model 3 ในสหรัฐฯ โดยให้เงินคืน 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 252,975 บาท และให้ลูกค้าชาร์จไฟกับ Supercharger ฟรี 10,000 ไมล์

ที่มา:  The Wall Street Journal, CNN