ในยุคการกระจายธุรกิจของบรรดาสถานีบริการน้ำมัน ทำให้หลายปีที่ผ่านมาสถานีบริการน้ำมันมีไม่ได้มีเพียงบริการเติมน้ำมันเท่านั้น แต่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มกลับกลายเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละแบรนด์จึงมีกลยุทธ์การขยายการเติบโตที่น่าสนใจ
รายใหญ่เห็นจะเป็นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.กลุ่มธุรกิจ Mobility เช่น สถานีบริการน้ำมัน PTT มีสัดส่วนรายได้ 90.9 %
2.กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เช่น Cafe Amazon , ร้านสะดวกซื้อ มีสัดส่วนราย 2.6%
3.กลุ่มธุรกิจ Global เช่น สถานีบริการน้ำมัน PTTในต่างประเทศ สัดส่วน6.4%
4.กลุ่มธุรกิจ อื่นๆ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรม สัดส่วนรายได้ 0.1%
ผลประกอบการในภาพรวมของ OR ในปี 2565 พบว่า มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 277,986 ล้านบาท อยู่ที่ 789,785 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.3% หากเทียบกับปี 2564 และ EBITDA เพิ่มขึ้น 273 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.3% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่คลี่คลาย ทำให้ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในทุกกลุ่มธุรกิจ และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of Income) ที่เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจาก บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด
นอกจากนี้ผลประกอบการ OR ที่ดีขึ้นจากการร่วมลงทุนกับพันธมิตร (Partners) ในกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ในช่วงปี 2564 แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะมีต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจ Mobility ส่งผลให้ในปี 2565 OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 10,370 ล้านบาท ลดลง 1,104 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.86 บาทต่อหุ้น
ร้าน Cafe Amazon ภายใต้ธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม หากดูใน 4Q/65 มีปริมาณจำหน่ายรวม 90 ล้านแก้ว ลดลง 3 ล้านแก้ว (-3.2%) เมื่อเทียบกับ 3Q/65 เนื่องจากไตรมาสก่อนมีปริมาณจำหน่ายจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการส่งเสริมการขายแต่สำหรับปี2565 ทั้งมีปริมาณจำหน่ายรวม 357 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้นประมาณ 59 ล้านแก้ว (+19.8%) เมื่อเทียบกับปี 2564 จากการขยายเครือข่ายสาขาและสถานการณ์COVID-19 ที่คลี่คลายลงด้วย
โดยจำนวนสาขาของเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มในไตรมาส 4/2565 มี 4,126 สาขาแบ่งเป็น ร้าน Cafe Amazonในประเทศไทย 3,875 สาขา จำแนกเป็นสาขาในสถานีบริการ 2,147 สาขา และนอกสถานีบริการ 1,728 สาขา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55.4% และ 44.6% ตามลำดับ รวมทั้งมีร้าน Cafe Amazon ในต่างประเทศ จำนวน 20 สาขา
ส่วนร้านเท็กซัส ชิคเก้น มีเครือข่าย 107 สาขา ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นมีเครือข่าย 124 สาขา ได้แก่ เพิร์ลลี่ทีและ Pacamara Coffee Roasters สำหรับธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ มีร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และภายใต้แบรนด์ จิฟฟี่ ในประเทศไทย 2,147 สาขา
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ระบุว่า ฐานะทางการเงินของ OR ยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ 31 ธันวาคม 2565 OR มีสินทรัพย์รวม 225,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,845 ล้านบาทจากสิ้นปี 2564 โดยได้เตรียมงบลงทุนสำหรับปี 2566 ไว้ที่ 31,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภาพรวมของการเติบโตของธุรกิจในปีนี้จะเติบโตได้ดี จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น
นอกจากนี้ OR ยังได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating)โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) ที่ระดับ “AA+” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิตที่ “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันและค้าปลีกในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น และมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต
“OR ยังคงมุ่งมั่นเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย “OR’s SDG” หรือ SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อผลักดันให้ OR ก้าวไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายดิษทัต กล่าวในตอนท้าย