Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยจะเดินหน้าสู่ Soft Power ได้อย่างไร? คงต้องเดินตามรอยเกาหลีใต้
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ไทยจะเดินหน้าสู่ Soft Power ได้อย่างไร? คงต้องเดินตามรอยเกาหลีใต้

18 ก.ค. 66
09:00 น.
|
501
แชร์

เป็นกระแสไปทั่วโลกออนไลน์ เมื่อซีรีส์เกาหลี ‘King The Land’ เดินทางมาสร้าง Soft Power ให้กับไทยถึงที่ด้วยการถ่ายทำตอนที่ 10 ในสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบจัดเต็ม ทั้งไหว้พระวัดอรุณ นั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา เล่นน้ำพุที่ไอคอนสยาม ไปดูมวยไทย นั่งรถตุ๊กตุ๊กชมบรรยากาศยามคำคืนที่ถนนราชดำเนิน ไปตลาดร่มหุบ กินน้ำแตงโมปั่น กินก๋วยจั๊บญวนเจ้าดัง ฯลฯ 

ซีรีส์เรื่อง ‘King The Land’ เป็นซีรีส์เกาหลีที่นำแสดงโดย ‘ยุนอา’ และ ‘อีจุนโฮ’ โดยตอนที่ 10 ที่มีฉากพีอาร์สถานที่ท่องเที่ยวไทยจำนวนมากดังกล่าวนั้นออกอากาศบน Netflix ไปเมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา และได้สร้างกระแสในโลกโซเชียล และสร้างความตื่นเต้นให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก 

นี่จึงถือว่าเป็นการการสร้างปรากฏการณ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เสริม Soft Power ให้กับประเทศไทยผ่านซีรีส์เกาหลีที่มีการฉายไปทั่วโลก ทำให้ผู้ชมที่ชมเรื่องนี้ได้รับมุมมองที่ดีเกี่ยวกับประเทศไทย และอาจมีความรู้สึกอยากเดินทางมาเยือนประเทศไทย และทำกิจกรรมอย่างตัวละครในเรื่องบ้าง 

โดยในการนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึง ‘King The Land’ ว่า ทางททท.ได้เข้าไปอำนวยความสะดวกให้กับซีรีส์ ในเรื่องของสถานที่ถ่ายทำต่างๆ ทั่วประเทศไทย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีให้กับประเทศที่จะมีสถานที่ต่างๆ ที่สวยงามของคนไทยให้เป็นที่รู้จัก และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น

 

รัฐบาลเกาหลีใต้เร่งผลักดัน K-Content สู่ตลาดโลก

ในปัจจุบัน รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตั้งเป้าหมายผลักดัน K-content ออกสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าผลักดันผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ตลาดสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร เช่น การจัดงาน K-Content Expo เร่งขยายศูนย์บริการธุรกิจต่างประเทศของ Korea Creative Content Agency (KOCCA) เพิ่ม 5 แห่ง เป็น 15 แห่งในปี 2566 เพื่อสนับสนุนการขยาย K-content

โดยมีแผนการสนับสนุนการ์ตูนบนเว็บ บริการสตรีมมิ่งออนไลน์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิต และมีแผนต่อยอดจากการเติบโตของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ที่มีอิทธิพลในเชิงบวกต่อการส่งออกของอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น สินค้าอาหาร แฟชั่น ความงาม เครื่องใช้ในบ้าน และไอที เช่น การเปิดเผยชื่อสินค้าที่อยู่ในสื่อบันเทิง หรือคอนเสิร์ตต่างๆ

รวมถึง รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีนโยบายส่งเสริม Soft Power ในด้านต่างๆ ได้แก่ การสนับสนุน K-Content ออกสู่ตลาดต่างประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2566 การเพิ่มมูลค่ามรดกทางวัฒนธรรม การขับเคลื่อนการพัฒนาภูมิภาคโดยวัฒนธรรม การเข้าถึงวัฒนธรรมสำหรับผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และผลักดัน K-Sports

นอกจากนี้ ยังมีแผนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัปให้มีความเข้มแข็ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ก็มีแผนที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการในรูปแบบต่างๆเพิ่มขึ้น ทั้งในการพัฒนา K-Content การท่องเที่ยว และการส่งเสริมวัฒนธรรม โดยตั้งเป้าในปี 2570 ดังนี้

  1. จะมีศูนย์บริการธุรกิจในต่างประเทศของ Korea Creative Content Agency (KOCCA) ถึง 50 สาขา 
  2. ยอดจำหน่ายของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะเพิ่มขึ้นจาก 137 ล้านล้านวอนในปี 2564 เป็น 200 ล้านล้านวอน 
  3. ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและการท่องเที่ยวที่ได้รับอิทธิพลจาก K-content จะเพิ่มขึ้นจาก 4.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐจะมีผู้ชื่นชอบกระแส K-Wave เพิ่มเป็น 360 ล้านคนทั่วโลก 
  4. ขนาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเพิ่มมูลค่าจาก 108 ล้านล้านวอน เป็น 180 ล้านล้านวอน 
  5. จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 5 ล้านคน เพิ่มเป็น 30 ล้านคน
  6. จะขยายรายการมรดกโลกได้ถึง 65 แห่ง 
  7. จะส่งผลดีต่อกระแส Korean wave การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของเกาหลีด้วย 
  8. ขยายตลาดอุตสาหกรรมกีฬาจาก 5 ล้านล้านวอนถึง 100 ล้านล้านวอน

 

แนวทางผลักดัน Soft Power ไทยคงต้องเดินตามรอยเกาหลีใต้

จากแนวทางการส่งเสริม Soft Power ของเกาหลีใต้ ที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดความต้องการในการบริโภคสินค้าและบริการ และเป็นปัจจัยในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ ประเทศไทยเองก็มีวัฒนธรรม และภูมิปัญญาที่มีศักยภาพที่สามารถนำไปใช้เป็น soft power ให้โดดเด่นได้ในหลายสินค้าและบริการ เช่น อาหารไทย นาฎศิลป์ไทย มวยไทย การนวดแผนไทย ผ้าไทย เครื่องหอมและสมุนไพรไทย 

งานเทศกาลต่างๆ เช่น งานสงกรานต์ งานลอยกระทง รวมถึง การผลิตภาพยนตร์และซีรีย์ต่างๆ ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมในหลายประเทศควรที่จะสอดแทรกวัฒนธรรมไทยสินค้าและบริการไทยลงในคอนเทนต์ต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้สินค้าและบริการไทยไปสะดุดสายตาชาวโลกให้เพิ่มมากขึ้น

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะนำให้ประเทศไทยศึกษา เรียนรู้ นโยบายส่งเสริม Soft Power ของเกาหลีใต้ และนำมาปรับใช้ในการขับเคลื่อน Soft Power ของไทย เหตุมีความหลากหลายไม่แพ้กันสามารถสอดแทรกอาหารไทย นาฎศิลป์ไทย มวยไทย นวดแผนไทย ผ้าไทย เครื่องหอมและสมุนไพรไทย งานเทศกาลสงกรานต์ ลอยกระทง ทั้งในหนัง ซีรีส์ และร่วมมือกับเกาหลีใต้ในการขับเคลื่อนได้ด้วย 

โดยในระยะแรก ในการส่งเสริมและพัฒนา Soft Power อาจจะต้องมีการลงทุนในการสร้างความรับรู้และภาพลักษณ์แก่ผู้บริโภคในต่างประเทศ และภาครัฐควรที่จะมีนโยบายระยะยาวที่ชัดเจน และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ในการส่งเสริม เผยแพร่ และผลักดัน Soft Power ของไทยให้ติดตลาดและเป็นกระแสสากล เพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถผลักดันสินค้าและบริการไทยได้อย่างยั่งยืน และนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป

DITP ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.ชนัญญา พรรณรักษา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ถึงนโยบายการส่งเสริม Soft Power ของเกาหลีใต้ และโอกาสในการขับเคลื่อน Soft Power ของไทย

โดยทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขับเคลื่อน Soft power ของเกาหลีใต้ โดยจะเน้นในเรื่องของสื่อและความบันเทิง ทั้งละคร เพลง ต่อมาเป็นเครื่องสำอางและความงาม ที่เป็นเรื่องต่อเนื่องจากละคร ดารา นักร้อง 

ที่คนมักจะนิยมเครื่องสำอางและสไตล์การแต่งหน้าแบบเกาหลี จากนั้นเมื่อเสพสื่อประเภทต่างๆแล้ว ก็มาถึงในเรื่องของอาหารที่ถูกสอดแทรกเข้าไป เช่น หมูสามชั้นย่าง ต็อกป็อกกี ไก่ทอด จาจังยอน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โซจูและกิมจิ เป็นต้น และสุดท้ายเป็นเรื่องการท่องเที่ยวที่ผลักดันให้สถานที่ถ่ายทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนต้องมาตามรอย

 

ไทยร่วมมือกับเกาหลีใต้ทำ Soft Power    

สำหรับความร่วมมือระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ DITP กล่าวว่าสามารถที่จะร่วมมือกันในหลากหลายรูปแบบ เช่น ระหว่างภาคเอกชนกับเอกชน 

ในปัจจุบัน Soft Power ของไทยมีชื่อเสียงในหลายด้าน เช่น เกม สื่อบันเทิง อาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการแข่งขันระดับตลาดโลก โดยทั้ง 2 ประเทศ สามารถร่วมมือกันผลิตคอนเทนต์ โดยใช้จุดเด่นจากทั้งสองประเทศมารวมกัน หรือการร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อสร้าง New Industry ให้กับไทยได้ เช่น การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการท่องเที่ยว เป็นต้น 

ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีแผนที่จะจัดงานแสดงสินค้าและบริการ K-EXPO THAILAND 2023 ในเดือนตุลาคม 2566 ที่ประเทศไทย ผ่านการดำเนินงานของ KOCCA ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายเพื่อผลักดันการส่งเสริม K-Content ในต่างประเทศ 

ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับไทยและเกาหลีใต้ในการร่วมมือระหว่างกัน และเกาหลีใต้ ยังมีงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Busan Film Festival และงานเกมส์ G-Star ซึ่งผู้ประกอบการไทยก็มีโอกาสในการเข้าร่วมงาน

 

แชร์
ไทยจะเดินหน้าสู่ Soft Power ได้อย่างไร? คงต้องเดินตามรอยเกาหลีใต้