เราไม่มีทางหลีกหนีปัญญาประดิษฐ์ได้อีกต่อไป เพราะเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับทุกมิติของชีวิต
เรื่องนี้ผู้เขียนเห็นมากับตาจากการเข้าร่วมงาน AWS re:Invent 2024 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีของ Amazon Web Services (AWS) ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ภายใต้อาณาจักรธุรกิจของบิ๊กเทคอย่าง Amazon ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการประกาศลงทุนในประเทศไทย 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.9 แสนล้านบาท รวมทั้งตั้งสำนักงานระดับภูมิภาคที่กรุงเทพมหานครด้วย
AWS re:Invent เริ่มต้นจัดเป็นครั้งแรกในปี 2012 และกลายเป็นหนึ่งในงานประชุมด้านเทคโนโลยีระบบคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยงานนี้เน้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ของ AWS รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวโน้มในวงการเทคโนโลยี
เนื้อหาของงานครอบคลุมตั้งแต่การประมวลผลบนคลาวด์ การจัดเก็บข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เป็นต้น มีเป้าหมายเพื่อสร้างเวทีให้ผู้ใช้บริการของ AWS นักพัฒนา วิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั่วโลกได้มาพบปะและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการใช้งานระบบคลาวด์ที่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสากลไปแล้ว
จากข้อมูลที่ทีม AWS บอกกับผู้เขียน คาดว่าผู้เข้าร่วมงานจะไม่น้อยกว่า 6 หมื่นคน มีกิจกรรมเต็มพื้นที่ของโรงแรม The Venetian Hotel และเกิดการประชุมเวทีคู่ขนานจำนวนมาก โดยองค์กรจากประเทศไทยที่เข้าร่วมงานมีทั้ง SCB TechX aCommerce รวมทั้งทีม AWS Thailand และคู่ค้าด้วย
ทุกวันนี้การแข่งขันพัฒนาชิปประมวลผลสำหรับเอไอเข้มข้นอย่างมาก เพื่อให้ทันกับการพัฒนาที่ยิ่งกว่าก้าวกระโดดที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่การทำงานที่ต้องเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังต้องใช้พลังงานลดลงรวมทั้งคำนึงเรื่องความยั่งยืนอีกด้วย
ภายในงานได้เปิดตัวชิปการประมวลผลระดับสูง AWS Trainium 3 ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้าและรองรับการฝึกโมเดล AI ที่ซับซ้อนได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเปิดตัว AWS Ultraclusters ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เหมาะสำหรับการฝึกโมเดล LLM (Large Language Models) ที่ต้องการความแม่นยำและความเร็วในการประมวลผลพร้อมกัน ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการพัฒนาโมเดลใหม่ ๆ ทำได้ดีขึ้น
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Amazon Nova เอไอตระกูลใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบทั้งการสร้างข้อความ การแปลภาษาและการสนทนา ส่วนโซลูชั่นสำหรับลูกค้าองค์กรคือ Amazon Q Developer เครื่องมือที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative AI) ที่ช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างการเขียนโค้ดอัตโนมัติ การตรวจสอบข้อผิดพลาด และการทดสอบโค้ด เป็นต้น
ยังมีสินค้าตัวใหม่ๆจากทาง AWS จำนวนมากที่เปิดตัวที่งาน ผู้เขียนเห็นทิศทางที่จริงจังมากขึ้นอีกสำหรับการเชื่อมต่อ เชื่อมโยงและเปลี่ยนผ่านระบบนิเวศทางเทคโนโลยีเดิมที่องค์กรต่างๆมีเข้ากับโซลูชั่นของ AWS เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่โดดเด่นคือระบบคลาวด์สามารถเป็นอีกกลไกในการยกระดับองค์กรสู่ก้าวที่ยั่งยืนมากขึ้น ทั้งจากประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้น ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและที่สำคัญ ตอนนี้ดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมากก็ประกาศใช้พลังงานหมุนเวียนแบบ 100% แล้ว ซึ่งก็เป็นผลดีกับรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) ของลูกค้าผู้ใช้งานระบบคลาวด์เอง พูดง่ายๆคือ เปลี่ยนหรือปรับมาใช้ระบบคลาวด์ก็ลดกระบวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้
สีสันเพิ่มเติมจากในงาน AWS : ReInvent 2024 หนีไม่พ้นขีดความสามารถของเอไอที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งการสร้างคอนเทนต์โฮโลแกรมขึ้นมาจากภาพถ่ายของเราเพียงไม่กี่รูป ทำให้ชิ้นงานพูดหรือนำเสนอย่างที่ต้องการได้ดั่งใจ หรือการปรับรูปโฉมของผู้ใช้งานเป็นคนดังหรือเซเลบริตีที่ชื่นชอบ ขยับเขยื้อน พูดคุยด้วยกิริยาของผู้ใช้งานได้ทันที
ขณะที่พันธมิตรทางธุรกิจของ AWS ก็พร้อมใจกันมาจัดแสดงโซลูชั่นของตัวเองจนแน่นฮอล์ ทั้ง IBM Nvidia หรือ AMD เป็นต้น มาวันนี้จึงต้องบอกว่าทุกอุตสาหกรรมได้นำปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้างมาใช้งานและพัฒนาองค์กรกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจธนาคาร หรือกระทั่งสนามรถแข่งก็ตามที
เป็น 6 วันที่ผู้เขียนได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าทึ่ง ตื่นเต้น และเชื่อว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงจากปัญญาประดิษฐ์และโลกเทคโนโลยีอีกมาก การแข่งขันในโลกธุรกิจจะยิ่งสนุกขึ้น งานบางงาน(หลายงาน)จะหายไปได้จริงเพราะไม่จำเป็นต้องใช้งานงานของมนุษย์
วันนี้ปัญญาประดิษฐ์เกี่ยวกันกับเราใช้มุมของการทำงานเสียส่วนใหญ่ วันข้างหน้าจะมีบทบาทในมุมสังคม ความคิดหรือจิตวิญญาณแค่ไหน อย่างไร คิดว่าคงจะได้เห็นจากเวที AWS : ReInvent เป็นที่แรกแน่ๆ
นักข่าวเศรษฐกิจและผู้ก่อตั้งเพจ BizKlass