จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกพบว่า ณ สิ้นปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% สะสมอยู่ที่กว่า 227,000 คัน และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยนอกจากมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วในฝั่งของภาคธุรกิจก็ปรับเปลี่ยนรถที่ใช้งานในองค์กรหรือธุรกิจมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
ล่าสุดแกร็บ ประเทศไทย แอปพลิเคชั่นผู้ให้บริการทั้งด้านเดลิเวอรีและบริการการเดินทาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีคนขับที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ และเดลิเวอรีโดยใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารวมกันมากกว่าหมื่นคัน ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 10 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ โคราช ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี สงขลา อุดรธานี และอุบลราชธานี
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “โครงการ Grab EV ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว โดย GRAB ได้ประกาศเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนคนขับแกร็บที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากก๊าซเรือนกระจก
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนขับ GRAB หันมาใช้รถ EV กันมากขึ้นเพระา GRAB มีความร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานรถ EV ล่าสุดจับมือกับ 5 พันธมิตรใหม่ ได้แก่ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไบโอ แลป ซัพพลาย จำกัด (Whale EV), บริษัท เอจีอี อีวี พลัส จำกัด (บริษัทในเครือของ AGE Group ภายใต้ชื่อ AGEWAY, บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) และ บริษัท สปาร์ค อีวี จำกัด (Spark EV) ที่เข้ามาช่วยปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆ และเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนขับยิ่งขึ้น
•โปรแกรม “ผ่อนขับรับรถ”
โดยแกร็บได้ร่วมมือกับ SUSCO ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ไฟฟ้า ปล่อยสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บโดยคนขับสามารถเช่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD Seal รุ่น Dynamic รุ่น Premium และ รุ่น AWD Performance ด้วยการผ่อนจ่ายรายวันเริ่มต้นที่ 1,010 บาทโดยหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน ในระยะสัญญา 5 ปี และไม่ต้องวางเงินดาวน์ พร้อมยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ
•โปรแกรม “เช่าครบจบบนแอป”
แกร็บจับมือกับ 2 พันธมิตรผู้ให้บริการเช่าแท็กซี่ไฟฟ้า ได้แก่ Whale EV และ AGEWAY เปิดให้บริการเช่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าเพื่อให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab โดยนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Aion ES เข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติม จากเดิมที่มีเพียงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MG EP ให้บริการ โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Aion ES ได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากได้ทดลองปล่อยเช่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาปัจจุบันมีคนขับใช้รถรุ่นนี้แล้วกว่า 400 คัน
•สิทธิประโยชน์พิเศษจากสถานีชาร์จไฟฟ้า
แกร็บขยายความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า ได้แก่ SHARGE และ Spark EV ที่มีสถานีชาร์จไฟฟ้ามากกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ และยังมอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับคนขับแกร็บเป็นพิเศษ อาทิ อัตราค่าไฟพิเศษเพียง 5.84 บาทต่อหน่วย (จากราคาปกติ 7.5–9.5 บาทต่อหน่วย) สำหรับการชาร์จไฟฟ้าที่สถานีชาร์จของ ReverSharger เป็นต้น
นอกจากจากคนขับ GRAB EV จะมีรถ EV ให้บริการเกินหมื่นคันแล้ว ในฝั่งของจำนวนผู้ใช้บริการที่เปิดฟีเจอร์เลือกใช้รถอีวี (Grab EV Rides) เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ถือเป็นตัวเลขการเติบโตของการใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทยที่ดีอย่างต่อเนื่อง