Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
5 เทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2025 ธุรกิจไหนน่าลงทุน แม้ในยุคเศรษฐกิจผันผวน?
โดย : ปาณิสรา สุทธิกาญจนวงศ์

5 เทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2025 ธุรกิจไหนน่าลงทุน แม้ในยุคเศรษฐกิจผันผวน?

5 มี.ค. 68
10:42 น.
|
119
แชร์

ปี 2025 คือปีแห่งความท้าทายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของทิศทางเศรษฐกิจโลก แต่มีอุตสาหกรรมใหม่ๆที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง

บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนมาดู 5 เทรนด์ธุรกิจมาแรง ปี 2025 ธุรกิจไหนที่น่าลงทุนในยุคเศรษฐกิจผันผวน? โดยได้สรุปสาระสำคัญจากหัวข้อเสวนา Investment's Playbook 2025: Exploring Wellness, Sustainability and AI Trends จากคุณสุทธิชัย คุ้มวรชัย InnovestX ณงาน Future Trends Ahead Summit 2025

5 เทรนด์ธุรกิจมาแรง ปี 2025

1.Wellness Tourism – เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

คุณสุทธิชัย ได้มองว่าในปี 2025 เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะมาแรงเนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย หรือ Ageing society และคนรุ่นใหม่ไม่นิยมมีลูกแต่อยากมีสุขภาพที่แข็งแรงเลยหันมาดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน

ซึ่งจากข้อมูล Global Wellness Economy Monitor 2023 พบว่ามูลค่าตลาด Wellness ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2022 เป็นราว 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 หรือเติบโตเฉลี่ยที่ 8.6% ต่อปีในช่วงปี 2022 – 2027

และหากเจาะลึกมายังมูลค่าตลาดในธุรกิจ Wellness Tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ) ที่ 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับที่ 15 ของโลก โดยประเทศไทยมีเป้าหมายที่พัฒนาให้อยู่ที่ 1 ใน 5 อันดับแรกภายในปี 2027

คุณสุทธิชัย มองว่าประเทศไทยมีโอกาสได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของธุรกิจ Wellness Tourism ของโลกที่มีแนวโน้มเติบโต ซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและอุตสาหกรรมทางแพทย์ครบวงจรของโลกด้วยจุดแข็งด้านการแพทย์และการบริการ

โอกาสในการลงทุน : เป็นการลงทุนระยะยาว โดยหุ้นไทยในกลุ่มโรงพยาบาลมีความชัดเจนในเทรนด์ Wellness Tourism มากกว่าหุ้นต่างประเทศ

หุ้นที่ได้ประโยชน์ : BDMS, BH, SPA, MINOR

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน

  • โรงแรมและรีสอร์ทที่เน้นสุขภาพ (Wellness Resorts)
  • ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม เช่น สปา, โยคะ รีทรีต, การทำสมาธิ
  • ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism)

2. Pharmaceutical – อุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีการแพทย์

คุณสุทธิชัย มองว่าในปี 2025อุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีการแพทย์ จะมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยนวัตกรรม AI และตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตที่มาพร้อมกับความหวังและความท้าทาย คือ ตลาดยารักษามะเร็ง

ปัจจุบันตลาดยารักษามะเร็งทั่วโลกในปี 2023 มีมูลค่าสูงถึง 218 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึง 320 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 ด้วยอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อปีที่ 8.9%

AI กับทิศทางการแพทย์ในอนาคต

  • วิเคราะห์โมเลกุลนับล้านเพื่อหาตัวยาที่มีศักยภาพและแม่นยำ
  • ทำนายปฎิกิริยาระหว่างยากับเป้าหมายในร่างกาย รวมถึงการตอบสนองต่อร่างกาย
  • ลดระยะเวลาและต้นทุนในการพัฒนายา โดย AI จะช่วยลดเวลาในการค้นพบยาใหม่จาก 5-6ปี เหลือเพียง 1-2 ปี

โดยเราได้เริ่มเห็นบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่อย่าง Pfizer ไปร่วมมือกับ Amazon Web Services ในการคิดค้นยาตัวใหม่ด้วย AI แล้ว

บริษัทที่ได้ประโยชน์ : คือบริษัทที่กำลังวิจัยและพัฒนายารักษาโรคมะเร็งอย่าง Merck, Roche Holding, GSK, Pfizer, Novartis ส่วนในประเทศไทย คือ โรงพยาบาลเอกชนที่มีการเปิดโรงพยาบาลหรือศูนย์เพื่อรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะ เช่น BDMS, BCH, CHG, RJH

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน

  • เทคโนโลยีชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceuticals)
  • AI ในอุตสาหกรรมการแพทย์ (AI-powered Drug Discovery)  
  • การพัฒนาและผลิตวัคซีน

3. Sustainability – การลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

คุณสุทธิชัย มองว่า การเติบโตอย่างยั่งยืน ยังเป็นกระแสหลักของโลก การลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อรักษาสมดุลของสภาพภูมิอากาศที่นำไปสู่ความพยายามในการออกกฎข้อบังคับเพื่อควบคุมทั้งภายในประเทศผ่านการส่งเสริมการลงทุนและการใช้พลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ มาตรการลงโทษผ่านการเรียกเก็บภาษีคาร์บอน และระหว่างประเทศ เช่น การปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM)

สำหรับประเทศไทยมีแผนการพัฒนาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยเน้นพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ที่อยู่ระดับสูง โดยแผน PDP 2024 พบว่าแผนการเพิ่มพลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้น 11% CAGR ในช่วง 2023 -2030 และวางเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ในระยะยาว เพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065

บริษัทที่ได้ประโยชน์ : ภาคส่วนของการสร้างคาร์บอนเครดิต เพื่อขาย และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีโอกาสเติบโตจากความต้องการใช้พลังงานจากพลังงานหมุนเวียน

 ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน

  • พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เช่น Solar, Wind, Hydrogen
  • ธุรกิจที่มุ่งสู่ Net Zero & Carbon Neutrality  
  • Circular Economy – การรีไซเคิลและลดขยะ

4. Sustainable Aviation Fuel (SAF) – เชื้อเพลิงการบินสะอาด

คุณสุทธิชัย มองว่า เทรนด์โลกปัจจุบันคือการผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emission) ในระดับโลกที่มีความจริงจังมากขึ้นโดยเฉพาะการขนส่ง รวมถึงการขนส่งทางอากาศทำให้ความต้องการใช้ SAF มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะที่การพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบอื่น เช่น พลังงานไฟฟ้า หรือ ไฮโดรเจน ยังมีต้นทุนอยู่ในระดับสูง

โดยสายการบินต่างๆทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้ SAF อย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 แต่กำลังการผลิตยังคงเติบโตอย่างช้าๆและต้นทุนวัตถุดิบมีราคาสูง

บริษัทที่ได้ประโยชน์ : คือ BCP ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่มีการลงทุนในธุรกิจ SAF มากที่สุดในปัจจุบัน โดยมีกำลังการผลิต 1 ล้านลิตร / วัน และมีแผนเริ่มผลิตในปี 2025

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน

  • การผลิต SAF จากแหล่งพลังงานสะอาด เช่น สาหร่าย ไขมันพืช น้ำมันใช้แล้ว
  • เทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษของเครื่องบิน  
  • ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้าน SAF

5. Data Center – ศูนย์กลางข้อมูล

คุณสุทธิชัย ได้เล่าว่า Data Center ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจและเติบโตสูงในประเทศไทยเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา และยังคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตนั้นจะเร่งตัวขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก เนื่องจากประเทศไทยมีจุดแข็งด้านความเร็วในการ Download ข้อมูลสำหรับอินเตอร์เน็ตประจำที่

ผู้ประกอบการรายใหญ่มีการประกาศแผนการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในหลายๆมิติ ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ตั้ง การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและไฟฟ้า รวมถึงผู้ให้บริการสร้างและออกแบบ Data Center

บริษัทที่ได้ประโยชน์ :

  • กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA AMATA บนโอกาสในการให้เช่าที่ดินได้มากขึ้น)
  • กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC BGRIM จากความต้องการฟ้าที่สูงขึ้นโดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน)
  • กลุ่มสื่อสาร (ADVANC TRUE จากความต้องการเชื่อมต่อโครงข่ายในประเทศ)
  • กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (INSET จากโอกาสในการได้รับงานก่อสร้างงานประกอบอาคาร)
  • ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่น่าลงทุน
  • Hyperscale Data Centers สำหรับ Cloud Computing
  • Green Data Centers – ศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานสะอาด
  • AI-powered Data Centers สำหรับการประมวลผลขั้นสูง

ปัจจัยบวก และ ปัจจัยลบที่มีผลต่อตลาดในปี 2025

ปัจจัยบวก (Positive Factors)
1. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเป็นการชะลอตัวแต่เป็นแบบ Soft Landing เลยยังน่าลงทุนอยู่
2. นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ รวมถึงประเทศจีน ที่แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังไม่ได้รับการแก้ไข
3. การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก (FED) รวมถึงการกระตุ้นดอกเบี้ย
4. นโยบายกระตุ้นของไทย ช่วยผลักดันผลประกอบการ

 ปัจจัยลบ (Negative Factors)
1. นโยบายเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์ สร้างความผันผวนให้แก่เศรษฐกิจโลก
2. เงินเฟ้อเริ่มลงยากขึ้น นำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ลงได้ช้าหรือน้อยกว่าคาดการณ์
3. เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าคาด
4. ผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินผันผวน
5. ภาวะอากาศแปรปรวน
6. การเมืองในประเทศ

เปิดมุมมองการลงทุนสินทรัพย์ในปี 2025

ตราสารหุ้น : สหรัฐฯ , จีน, เวียดนาม (มีโอกาสได้ประโยชน์จากสงครามการค้าที่ย้ายฐานผลิตจากจีน)

ตราสารหนี้ : เน้นหุ้นกู้เอกชนอายุปานกลาง

ทองคำ : ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง

แชร์
5 เทรนด์ธุรกิจมาแรงปี 2025 ธุรกิจไหนน่าลงทุน แม้ในยุคเศรษฐกิจผันผวน?