AWC บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย อวดสถิติผลประกอบการปี 2566 ทุบ 5 สถิตินิวไฮ ทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ปี 2567 มุ่งเปิดอีก 18 โครงการ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท พร้อมประกาศงบลงทุน 1.26 แสนล้านบาท มุ่งเพิ่มทรัพย์สินดำเนินการเป็นสองเท่าใน 5 ปี
ในวันที่ 28 ก.พ. บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เผยผลประกอบการ ปี 2566 สุดแข็งแกร่งด้วยรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 19,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน (YoY) และเหนือกว่าก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 รวมถึงมีผลการดำเนินงานที่ทำนิวไฮสูงสุดใน 5 ด้าน คือ
ปัจจุบัน AWC มีมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินรวมทั้งหมดอยู่ที่ 146,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 โดยคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานอยู่ที่ 108,202 ล้านบาท
ปี 2566 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ยอดเยี่ยมของ AWC ที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นจากทั้งกลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ โรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ และโรงแรมรีสอร์ท ระดับ ลักซ์ชูรี เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่ม FIT (Free Individual Traveler) ที่มีศักยภาพและใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวสูง (High-to-Luxury)
การฟิ้นตัวของภาคการท่องเที่ยวทำให้โรงแรมในเครือ AWC สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) และรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) อย่างโดดเด่นในระดับนิวไฮ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy Rate) เติบโตมาอยู่ที่ 64.6%
นอกจากนี้ ดัชนีการสร้างรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) ในภาพรวมของ AWC ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ซึ่งได้รับความนิยมสูง มีค่า RGI เท่ากับ 213.5, โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ ที่มีค่า RGI เท่ากับ 188.7 และโรงแรมบันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI เท่ากับ 146.4
ในปี 2566 ที่ผ่านมา AWC ยังได้เพิ่มทรัพย์สินดำเนินการใหม่ด้วยการเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่ง และร้านอาหารอีก 6 แห่ง ในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ อาทิ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล โรงแรมระดับลักซ์ชูรีภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ, โรงแรม เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยมที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ MICE ในภูมิภาค, ห้องอาหาร เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์, ห้องอาหารเดอะ สยาม ที รูมท์, ห้องอาหาร คิสซึอิเซน และ ร้าน Cafe Pittore
นอกจากการลงทุนภายในประเทศแล้ว ในปีที่ผ่านมา AWC ยังได้เข้าซื้อหุ้นกิจการของ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก เพื่อเตรียมพัฒนาเป็นโรงแรมระดับลักซ์ชูรี พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา นิวยอร์ก ที่จะเชื่อมกับโครงการโรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ในประเทศไทย
รวมจนถึงสิ้นปี 2566 AWC มีจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 22 โรงแรม รวมจำนวน 6,029 ห้อง และห้องอาหาร (Restaurant Outlet) อีกหลากหลายแห่งในโรงแรมและจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย
ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนสร้างมูลค่าทรัพย์สินกว่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยการเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท และมีโครงการอยู่ระหว่างการขออนุมัติการลงทุนอีกกว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินกว่าสองเท่า ด้วยงบลงทุนกว่า 126,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี
ในช่วง 5 ปีข้างหน้า AWC ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) เพื่อร่วมสร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่น สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยอย่างต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของบริษัทฯ ด้วยงบประมาณการลงทุนรวมกว่า 126,000 ล้านบาท
AWC เชื่อว่า บริษัทมีความสามารถในการจัดหาเงินทุน (Debt Capacity) ที่แข็งแกร่งพร้อมสนับสนุนการลงทุนของทางบริษัทฯ ได้โดยไม่ต้องทำการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น เพื่อเร่งขยายพอร์ททรัพย์สินคุณภาพเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่าตัวภายในระยะเวลา 5 ปี
นอกจากโรงแรมและร้านอาหาร AWC มีแผนที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ระดับแฟลกชิปในรูปแบบของ AWC’s Lifestyle & Workplace Destinations ที่เชื่อมต่อประสบการณ์ของทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ เข้าด้วยกันเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุม อาทิ โครงการ Weng Chinatown Destination โครงการ Aquatique Destination โครงการ Asiatique District และโครงการ Lannatique Destination
ทั้งนี้ ในปี 2567 ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะเสริมศักยภาพและเปิดให้บริการโครงการในทุกกลุ่มธุรกิจรวมกว่า 18 โครงการ โดยมีโครงการสำคัญของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ อาทิ โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมระดับลักซ์ชูรี ไลฟ์สไตล์ ในพัทยา
นอกจากนี้ AWC ยังมีแผนจะเปิดตัว “The Journey of A River ” by The Okura Prestige Bangkok ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารอันมีเอกลักษณ์บนสายน้ำเจ้าพระยาเชื่อมต่อประสบการณ์ภายใต้แนวคิด “The Journey of A River” รวมถึงโครงการสำคัญของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อาทิ โครงการ EA Rooftop at The Empire ให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟทอปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ประกอบไปด้วย
ล่าสุด AWC ยังได้เริ่มเดินหน้าตามกลยุทธ์การเติบโตในปี 2567 เพื่อสร้างการเติบโตของทรัพย์สินผ่าน 3 โครงการใหญ่ โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ เพื่อเข้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพบนพื้นที่ระดับไพรม์โลเคชั่นใน 2 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย