มิสทินมาแล้วค่ะ เสียงสโลแกนที่คุ้นหูคนไทยทุกคน กำลังดังไกลไปทั่วเอเชีย! จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในอาคารพาณิชย์ มิสทิน แบรนด์เครื่องสำอางไทย ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำธุรกิจขายตรงของประเทศไทย และขยายความสำเร็จไปไกลถึงตลาดจีน สร้างปรากฏการณ์ "กันแดดฝาเหลือง" ที่ครองใจสาวจีนทั่วประเทศ
โดยบทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเส้นทางความสำเร็จของมิสทิน ตั้งแต่จุดเริ่มต้น การบุกตลาดจีน กลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่น และการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ความงามชั้นนำในระดับเอเชีย
"มิสทินมาแล้วค่ะ" สโลแกนที่คุ้นหูคนไทยมาอย่างยาวนาน สะท้อนถึงความสำเร็จของ มิสทิน (Mistine) แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 โดย ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นราชาขายตรงของไทย มิสทินเริ่มต้นจากการขายตรงผ่านแค็ตตาล็อก ก่อนจะเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย ด้วยวิสัยทัศน์ของ ดร.อมรเทพ ที่มุ่งมั่นจะสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทย มิสทินจึงเริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กในอาคารพาณิชย์ ก่อนจะขยายสู่การเป็นแบรนด์ที่คนไทยทั่วประเทศรู้จักในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่นและสโลแกน "นิ้งหน่อง มิสทินมาแล้วค่ะ" ที่สื่อถึงความเป็นไทยและการขายตรงได้อย่างชัดเจน
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 มิสทินได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน ด้วยการเปลี่ยนแปลงโลโก้และสโลแกน โดยสโลแกนใหม่นี้ได้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในภาพยนตร์โฆษณาอายไลเนอร์ มิสทิน ไนน์ ทู ไฟว์ แมทท์ ออโต้ เพน แม้ในปัจจุบัน มิสทินจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น แต่แบรนด์ก็ยังคงเป็นที่จดจำและได้รับความนิยมในประเทศไทย นอกจากนี้ มิสทินยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
สำหรับเส้นทางสู่ความสำเร็จระดับเอเชีย ของเบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) เริ่มต้นจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์มิสทินผ่านระบบแค็ตตาล็อกที่สะดวกสบาย สู่การเป็นบริษัทขายตรงชั้นนำของไทยที่มีเครือข่ายสมาชิกกว่าหนึ่งล้านคนทั่วประเทศ ด้วยระบบการสั่งซื้อ จัดส่ง และชำระเงินที่ทันสมัย ทำให้เบทเตอร์เวย์สามารถสร้างโอกาสและความมั่นคงทางรายได้ให้กับสมาชิกทั่วประเทศ
เบทเตอร์เวย์ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ยังเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในด้านต่างๆ อาคารสำนักงานที่สวยงามบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ บนถนนรามคำแหง ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษให้เป็น "สวนแห่งอนาคต" โดยนักพฤกษศาสตร์ชื่อดังระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีประติมากรรมรูปเหมือน ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ขององค์กร
ศูนย์กระจายสินค้าเบทเตอร์แลนด์ (Betterland Distribution Center) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ ในจังหวัดปทุมธานี ถือเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เบทเตอร์แลนด์สามารถจัดการคำสั่งซื้อได้มากกว่า 30,000-50,000 รายการต่อวัน และส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม
ความสำเร็จของเบทเตอร์เวย์ได้รับการยอมรับจากทั้งแวดวงขายตรงและธุรกิจทั่วไป รวมถึงสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ที่ให้ความสนใจในการศึกษาวิจัยและเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทฯ และจากทุนจดทะเบียนเริ่มต้นเพียง 10 ล้านบาท ปัจจุบันเบทเตอร์เวย์มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นกว่า 700 เท่าตัว เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีและมียอดขายต่อปีอยู่ที่ 13,700 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายรวมเป็น 30,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า ผ่านการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเริ่มต้นแล้วในพม่า ลาว และกัมพูชา
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2553 เมื่อตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มิสทินยังไม่ได้วางแผนรุกตลาดจีนอย่างเป็นทางการ แต่สินค้าของมิสทินกลับเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์ม Taobao ที่มีพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนนำสินค้ามิสทินไปจำหน่าย ทำให้แบรนด์เริ่มเป็นที่พูดถึงและได้รับความสนใจจากผู้บริโภค จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ มิสทินเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดจีน จึงตัดสินใจรุกตลาดอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2559 ด้วยการวางกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้ากับรสนิยมของผู้บริโภคชาวจีน หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มิสทินกลายเป็นแบรนด์ที่ครองใจชาวจีนอย่างแท้จริง เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2561 เมื่อมิสทินเปิดตัว "กันแดดฝาเหลือง" ผลิตภัณฑ์กันแดดที่โดดเด่นด้วยคุณภาพและราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสม ความสำเร็จของกันแดดฝาเหลืองส่งผลให้ยอดขายของมิสทินในจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น สำหรับ ความสำเร็จของมิสทินในการบุกตลาดจีนสามารถวิเคราะห์ได้จากปัจจัยสำคัญหลายประการ ดังนี้
ความสำเร็จของ มิสทิน เริ่มจากการเริ่มต้นเล็กๆ สู่การเป็นแบรนด์ความงามชั้นนำในตลาดจีน มิสทินพิสูจน์ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการวางแผนอย่างรอบคอบ การปรับตัวให้เข้ากับตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ อย่างไรก็ตาม มิสทินยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดจีน เช่น การแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งมิสทินต้องปรับตัวและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสำเร็จในระยะยาว
ปัจจุบัน เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารงานที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในแวดวงขายตรงของไทย บริษัทฯ ได้ขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคในหลากหลายมิติ ดังนี้
ผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ผลิตเครื่องสำอางมิสทิน)
จากอาคารพาณิชย์เล็กๆ สู่การเป็นแบรนด์ความงามชั้นนำในเอเชีย มิสทินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล กลยุทธ์ที่เฉียบคม และความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ด้านการบุกตลาดจีนของมิสทินไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับธุรกิจไทยที่ต้องการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
การปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละตลาด การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและช่องทางการตลาดใหม่ๆ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ
สุดท้ายนี้ มิสทินไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์เครื่องสำอาง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจของคนไทย ที่สามารถสร้างสรรค์แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ที่มา mistine และ Krungsri Business Empowerment