สินค้าไอทีมากมายที่มีขายผ่านร้านค้าต่างๆทั่วประเทศไทยปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค เกมส์ กล้อง ซอฟท์แวร์ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้ล้วนเป็นแบรนด์ระดับโลกทั้งนั้น โดยรู้หรือไม่ว่ามีบริษัทเทคโนโลยีของไทยอยู่เบื้องหลัง นั่นก็คือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจัดจําหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนําระดับโลกมากกว่า 50 แบรนด์ แถมมีฐานลูกค้าผู้ประกอบการด้านสินค้าคอมพิวเตอร์มากกว่า 5,000 ราย จึงเรียกว่า SYNNEX คือรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
แม่ทัพคนสำคัญของ SYNNEX ที่พาบริษัทเติบโตทำรายได้หลายหมื่นล้านบาทต่อปี คือ คุณยี้-สุธิดา มงคลสุธี ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร / ประธานคณะกรรมการบริหาร / กรรมการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืน / กรรมการบริหารความเสี่ยง ของบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยคุณสุธิดา เป็นบุตรสาวคนโตของ คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถึง 2 สมัย ที่ได้ส่งไม้ต่อธุรกิจ SYNNEX ให้กับบุตรสาวคนเก่ง และเธอได้ประกาศ Vision ว่า “ SYNNEX ต้องการทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี ”
คุณยี้-สุธิดา เล่าว่า รับหน้าที่เป็น CEO ของ SYNNEX มาได้ 10 ปีแล้ว แต่เดิมคนอาจมองว่าเรื่องของเทคโนโลยีเป็นเรื่องของผู้ชาย แต่จริงๆแล้วแม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่รู้สึกเลยถึงความแตกต่างในการทำงาน เพราะมันคือความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบริษัทเทคฯชั้นนำต่างๆเราได้เห็นบทบาทของผู้หญิงขึ้นมาเป็นผู้นําองค์กรมากขึ้น
“ การเป็นผู้หญิงเรามองเป็นข้อดี เพราะผู้หญิงมีทักษะการปรับตัว และ การเจรจาต่อรองที่หลากหลาย ”
สไตล์ในการบริหารของคุณยี้ สุธิดา ในฐานะ CEO คือ การ Empower ให้ทีมงานสามารถทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสิ่งสำคัญคือ การต้องวางเป้าหมายขององค์กรให้ชัดเจน และคอนสนับสนุนให้คนในองค์กรให้ดีที่สุด รวมถึงการสื่อสารให้ชัดเจนจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้จริง
“การ Empower คือสิ่งที่เราเอามาใช้ต่อกับทีม มันเป็นแนวทางบริหารของคุณสุพันธ์ ที่ถ่ายทอดต่อมา ในช่วงที่ท่านต้องไปเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมและไว้วางใจเราให้รันองค์กร ดังนั้นก็เป็นเราแล้วที่ส่งต่อให้ผู้บริหารให้ความไว้วางใจเราที่รับไม้ต่อจากคุณพ่อได้อย่างไร”
“ Generative AI ” มีส่วนในเรื่องของการ create content ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียง ดังนั้น ฮาร์ดแวร์ที่จะไปกับเทคโนโลยี AI มันจะกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่จะทำให้สินค้าฮาร์ดแวร์มีการปรับไปในทิศทางนี้คือการตอบกับ AI ”
ปัจจุบันสินค้าและบริการของ SYNNEX ขยายออกไปกว้างมากขึ้น ที่หลายคนไม่เห็นอาจะเป็นเพราะ SYNNEX ไม่ได้ขายตรงไปยังผู้บริโภค แต่ลูกค้าของ SYNNEX ก็คือ เหล่าบรรดาร้านค้าที่ขายสินค้าไอทีนั่นเอง รวมไปถึงหน้าร้านของแบรนด์ไอทีที่ขายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า โดยแบ่งสินค้าเป็น 3 กลุ่มหลักและการบริการหลังการขาย คือ
1.กลุ่มสินค้า Consumer product หรือ สินค้าสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์,อุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับต่อพ่วง, ชิพประมวลผล, เมนบอร์ด, ฮาร์ดดิกส์, การ์ดจอ, ปริ้นเตอร์ เป็นต้น และสินค้าที่มุ่งเน้นตามความต้องการเฉพาะกลุ่ม เช่น คอมพิวเตอร์ประกอบ (D.I.Y.), สื่อความบันเทิงในหมวด Gaming Gear และ Game Console, สินค้า Lifestyle เช่น Drone, กล้อง Instax
2.กลุ่มสินค้า Commercial product หรือ สินค้าสำหรับกลุ่มองค์กร ซึ่งเน้นการจัดจำหน่ายในรูปแบบ Solution ที่สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละประเภทแบบครบวงจร และมุ่งพัฒนาให้ตอบโจทย์การเติบโตขององค์กรในด้านการทำงานที่ยืดหยุ่น ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่ Client, Workstation, Server, Storage, Network, Software ที่ครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ อีกทั้งมีการเพิ่มเติมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ IoT, Cloud Service, Security, Industrial Grade ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีสำหรับอนาคต
3.กลุ่มสินค้า Communication product หรือ สินค้าและอุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับการสื่อสาร ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์เสริม ที่มีคุณภาพหลากหลายประเภท โดยให้ความสำคัญกับการคัดสรรอุปกรณ์อัจริยะที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้านหรือสถานที่ต่างๆ เช่น Smart Watch, แว่นตาอัจฉริยะ, เครื่องฟอกอากาศ เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี 5G ที่จะช่วยให้การเชื่อมต่อของทุกอุปกรณ์ผ่านอินเตอร์เน็ตมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ส่วนกลุ่มการให้บริการหลังการขายลูกค้า เน้นย้ำให้ความสำคัญของการบริการตั้งแต่การให้คำปรึกษาปัญหาการใช้งาน หรือปัญหาเชิงเทคนิค การซ่อมสินค้าที่อยู่ในการรับประกันหรือนอกการรับประกัน โดยผู้ชำนาญงานเฉพาะทางซึ่งได้รับใบรับรองจากเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผ่านช่องทาง Synnex Call Center 1251 ศูนย์บริการ Synnex ทั่วประเทศ
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โจทย์ที่ท้าทายคือเราจะเปลี่ยนตัวเองให้ทันได้อย่างไร ?และไม่เพียงแค่ตัวเท่านั้นแต่ต้องทำให้องค์กรเปลี่ยนแปลงได้ทันด้วยเช่นกัน
การที่ SYNNEX อยู่ในธุรกิจมานาน การปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงให้ทันอยู่เสมอคือจุดแข็งอยู่แล้ว ก่อนที่ AI กำลังจะเข้ามา เราเคยเจอ Crisis มาหลายเรื่องเช่น สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯที่ส่งผลต่อสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี แต่ SYNNEX รับมือได้ทันเสมอ เห็นได้จากพอร์ตโฟลิโอที่ขยายออกไปมาก และมีการผสมผสานเพื่อป้องกันความเสี่ยง
“ถ้าเราเห็นเทรนด์แน่ชัดแล้วเราต้องรีบขยับเลย เพราะ Speed เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ก็ต้อง Balance เพราะบางเรื่องอาจจะเป็นเทรนด์ที่ฉาบฉวย เราต้องพิจารณาสถานการณ์และโอกาสให้ดี เพื่อให้สุดท้ายแล้วเราจะสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้”
สำหรับทิศทางธุรกิจของ SYNNEX คุณยี้-คุณสุธิดา ประเมินว่า ไตรมาสที่ 4 จะคึกคักโดยเฉพาะการมาของ AI อย่างยักษ์ใหญ่ Apple จะออก Apple Intelligence ด้วย สินค้าในกลุ่มซอฟท์แวร์ที่ SYNNEX ก็จะเห็นภาพชัดขึ้นในปีนี้เช่นกัน
ส่วนทิศทางระยะยาวของ SYNNEX ไม่ได้วางตัวเองเป็นเพียงตัวแทนจำหน่าย หรือ Distributor เท่านั้นแต่เราคือ Service Provider ที่มีบริการหลากหลายรูปแบบให้กับทั้งดีลเลอร์และผู้บริโภค นอกจากนี้สินค้ามากมายที่SYNNEXขายอยู่จะตอบโจทย์การเป็นโซลูชั่นให้กับคนได้มากขึ้น เพื่อให้ Ecosystem ของ SYNNEX แข็งแรงขึ้นและเติบโตไปด้วยกัน..