สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Tesla ได้เลื่อนการเปิดตัว ‘robotaxi’ หรือแท็กซี่ไร้คนขับไปจนถึงเดือนตุลาคมแทน เนื่องจากบริษัทต้องการเวลาเพิ่มเติมในการสร้างต้นแบบ และปรับปรุงองค์ประกอบบางอย่างของรถ จากเดิมที่มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคม 2024 นี้
ที่ผ่านมา แนวคิดการสร้าง robotaxi ของ Tesla มีมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2016 ที่ ‘อีลอน มัสก์’ ซีอีโอ Tesla ได้เผยแพร่มาสเตอร์แพลนที่ 2 ของบริษัท ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มัสก์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแท็กซี่ไร้คนขับ มากกว่าการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาไม่แพงอย่าง Model 3 ที่เป็นรุ่นราคาถูกที่สุดของ Tesla ด้วย
โดยมัสก์มักพูดถึงเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับของ Tesla มานานกว่าทศวรรษ และโน้มน้าวให้ลูกค้าจ่ายเงินหลายพันดอลลาร์สหรัฐฯ กับชุดฟีเจอร์ขับขี่ด้วยตนเองเต็มรูปแบบ หรือ Full-Self Driving (FSD) ที่กลับไม่ได้ทำงานด้วยตัวเองเต็มรูปแบบ เพราะยังต้องมีการควบคุมดูแลอยู่อย่างต่อเนื่อง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การประกาศของมัสก์กระทบต่อธุรกิจในแง่ลบ เขาเองมักประกาศสิ่งต่างๆ ต่อสาธารณะโดยที่พนักงานของเขาเองหลายคนไม่รู้ และบังคับให้พวกเขาต้องแย่งชิงกัน อย่างในเดือนกุมภาพันธ์ มัสก์ได้โพสต์บน X เกี่ยวกับรถ Tesla Roaster รุ่นที่สองที่ล่าช้ามาเป็นเวลานาน จะสามารถจับเคลื่อนไปได้เร็วกว่าที่สัญญาไว้ในตอนแรก ซึ่งเป็นการประกาศที่สร้างความประหลาดใจให้กับทีมพัฒนา Roadster เป็นอย่างมาก ตามข้อมูลของ The Information
นอกจากนี้ การประกาศกิจกรรมการเปิดตัว robotaxi ของมัสก์ได้สร้างความประหลาดใจให้กับพนักงานในทำนองเดียวกัน โดยเฉพาะไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น เขาได้ปลดพนักงานทั่วโลกของ Tesla มากกว่า 10% และกล่าวว่าบริษัทกำลังทุ่มสุดตัวเพื่ออิสรภาพ
รวมทั้ง ในช่วงครึ่งปีแรก Tesla ส่งมอบรถยนต์น้อยลง 6.6% แม้ว่าบริษัทจะเพิ่มโมเดลใหม่อย่าง Cybertruck ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ก็ตาม บริษัทกลับยังผลิตรถยนต์น้อยลง 14% ในไตรมาสที่สอง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เพื่อช่วยลดปริมาณสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การประกาศเลื่อนการเปิดตัว robotaxi ทำราคาหุ้น Tesla ร่วงลง 8.4% ในวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ส่วนหุ้นของคู่แข่งแท็กซี่อย่าง Uber Technologies และ Lyft ต่างพุ่งสูงขึ้นจากข่าวดังกล่าว โดยหุ้นของ Uber เพิ่มขึ้น 6.1% และ Lyft พุ่งขึ้น 4.6%
ที่มา Bloomberg, Tech Crunch