เมื่อพูดถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เชื่อว่าชื่อของแบรนด์ ‘ฮิตาชิ’ ต้องเข้ามาในหัวหลายคนแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า ฮิตาชิได้ร่วมทุนจดทะเบียนกับ ‘อาร์เซลิก’ เพื่อผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั่วโลก ในฐานะ ‘อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์’
SPOTLIGHT มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์พิเศษ นายซาแฟร์ อัสทูเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ ถึงกลยุทธ์ของแบรนด์ในการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายก้าวต่อไปของแบรนด์ หลังจากที่เพิ่งฉลองครบรอบ 3 ปีไป
‘อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์’ (Arçelik Hitachi Home Appliances) เป็นการร่วมทุนระหว่าง ‘อาร์เซลิก’ (Arcelik A.S.) และ ‘ฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชันส์’ (Hitachi Global Life Solutions, Inc.) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ด้วยเป้าหมายในการผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขายของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบรนด์ฮิตาชิภายนอกตลาดญี่ปุ่นทั่วโลก
โดยจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่น และอิ่นๆ มากมาย จากการเข้าถือหุ้นของอาร์เซลิก 60% ในบริษัทใหม่ และฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชันส์ อีก 40% ถือเป็นการรวมความเชี่ยวชาญและจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน ทั้งการวิจัยและการพัฒนา การจัดซื้อจัดจ้าง และระบบผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซัพลลายเชนทั่วโลกของบริษัทร่วมทุนนี้ให้มีความเหมาะสมสูงสุด
นอกจากนี้ อาร์เซลิก ฮิตาชิเลือก ‘ประเทศไทย’ เป็นสำนักงานใหญ่ และยังมีจำนวนแรงงานและการลงทุนมากที่สุดด้วย จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 6,000 กว่าคนจาก 15-16 ประเทศ เนื่องจากเห็นถึงโอกาสการเติบโตในการลงทุน และตลาดเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการมีฐานลูกค้าจำนวนมาก จากฮิตาชิที่เข้ามาทำตลาดยาวนานกว่า 50 ปีแล้ว
ในโอกาสครบรอบ 3 ปี ของอาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ บริษัทได้ออกมาตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชันไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่าน 3 กลยุทธ์ดังนี้:
โดยจุดแข็งอาร์เซลิก คือ ศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาระดับสากล และการเข้าถึงตลาดทั่วโลก ส่วนฮิตาชิ มีจุดเด่นในการชูอัตลักษณ์แบบญี่ปุ่นที่มีมายาวนานนับศตวรรษ รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงตลาดทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การขยายซัพพลายเชนและธุรกิจของอาร์เซลิก ฮิตาชิ จึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย
เนื่องจากข้อได้เปรียบในด้านการจัดซื้อ ปรับปรุงห่วงซัพพลายเชนให้เป็นระบบมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เหมาะสมทั่วทั้งฐานการผลิตในประเทศไทยและจีน การผสมผสานค่านิยมองค์กรและยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ผ่านมาส่งผลให้ อาร์เซลิก ฮิตาชิ เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทยและเริ่มเห็นผลลัพธ์เชิงบวกในเวียดนามและตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดในอนาคต เผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจและความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ สินค้าระดับเริ่มต้นมีความอ่อนไหวต่อราคาที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมเติบโตขึ้นเนื่องจากกําลังซื้อของชนชั้นสูงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มตลาดมุ่งไปสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่สูงขึ้นและการใช้จ่ายน้อยลง
นอกจากนี้ สินค้าต้องมาพร้อมคุณสมบัติด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อายุน้อยกว่าชอบเช่า ลดความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าบิ้วท์อิน โดยเน้นการใช้งานเป็นศูนย์กลางในทุกกลุ่ม ไม่เพียงเท่านี้ เทรนด์การรักษาสิ่งแวดล้อมของกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อย ยังมาพร้อมกับภาษีคาร์บอนใหม่ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์สุทธิปี 2030 ของบริษัทด้วย
อีกหนึ่งเป้าหมายที่อาร์เซลิก ฮิตาชิ ให้ความสำคัญ คือ การต่อยอดการรับรู้และความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ฮิตาชิในตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเพิ่มการรับรู้ตัวตนของแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภค Gen Y พร้อมกับกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้บริโภค Gen X ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าดั้งเดิมของแบรนด์
ซึ่งการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแต่ละ Gen มีความจำเป็นต้องใช้วิธีและเครื่องมือการสื่อสารที่ไม่เหมือนกัน ผ่านการเข้าใจพฤติกรรมและไล์สไตล์ชีวิตกลุ่ม Gen Y มากขึ้น โดยการนำเสนอไลน์สินค้าใหม่ที่มีความน่าสนใจ และสดใหม่มากขึ้น รวมทั้งปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความโมเดิร์นและสดชื่นมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังคงไว้คอนเซ็ปท์การเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำที่อยู่มานาน
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566 บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ ‘The Art of Ease’ เพิ่มขีดความสามารถให้ฮิตาชิเป็นแบรนด์ด้านโซลูชันไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ ด้วยการยึดมั่นในความพิถีพิถันแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ ความทนทาน และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน
นายซาแฟร์ กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวนำเทรนด์และความท้าทายของตลาดที่กำลังเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งการพัฒนาด้านความยั่งยืน ผ่านการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2030 และการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว 100% ในสำนักงานทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่มีต่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม
การครบรอบปีที่ 3 ของการร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาร์เซลิก ฮิตาชิ ยกให้เป็นรากฐานของการเติบโตในอนาคต บริษัทยังคงมุ่งมั่นในพันธกิจนำเสนอโซลูชันไลฟ์สไตล์พร้อมนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วทั้งภูมิภาค อาร์เซลิก ฮิตาชิ ตั้งใจที่จะเดินหน้าต่อไปท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และจะยังส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าทุกคนอย่างต่อเนื่อง
โดยยึดมั่นในความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง มั่นใจได้ว่าจะนําหน้าแนวโน้มและความท้าทายของตลาด รวมทั้งผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดต่อไป โดยเน้นที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะ และเป็นผู้นําต่อไปด้วยความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อม