หากพูดถึงอาหารเกาหลีที่โดนใจคนทั่วโลก แน่นอนว่า ‘ไก่ทอด’ คือ อาหารโปรดครองหนึ่งในใจของใครหลายๆ คน ซึ่งเอาจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่า ในทุกวันนี้! เรามีร้านไก่ทอดในไทยให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านไก่ทอดของคนไทย หรือ ร้านไก่ทอดของเกาหลีที่เข้ามาบุกในตลาดในไทย
แล้วก็มีหลายร้านที่ประสบความสำเร็จ สามารถครองใจผู้บริโภคชาวไทยจนขยายสาขาได้มากมาย และก็มีหลายร้านที่ต้องพับเสื่อกลับบ้านหลังเจาะตลาดไทยไม่สำเร็จ
บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนมารู้จักกับ Pelicana (เพลิคาน่า) ร้านไก่ทอดสัญชาติเกาหลีชื่อดัง ที่คนเกาหลียกให้เป็น King of Chicken หลังเพิ่งเข้ามาบุกตลาดประเทศไทย ปักหมุดใจสยามสแควร์ หวังมัดใจลูกค้า Gen Y – Gen Z ด้วยรสชาติ “กินที่ไทย รสชาติเหมือนเกาหลี”
ร้านไก่ทอด Pelicana (เพลิคาน่า) เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกร้านไก่ทอดเกาหลี เมื่อ 42 ปีก่อน และได้รับความนิยมอย่างสูง โดยคนได้การยอมรับและยกย่องให้เป็น King of Chicken ของเกาหลี ปัจจุบัน Pelicana มีสาขามากกว่า 3,000 สาขาทั่วโลก โดยมีถึง 1,245 สาขาในประเทศเกาหลี และได้ขยายแฟรนไชส์ไปยัง 16 ประเทศที่สำคัญทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน มาเลเซีย และจีน และล่าสุดคือประเทศไทย
นาย อรรถวุฒิ นิธิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เพลิคาน่า (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า บริษัท เพลิคาน่า (ประเทศไทย) จำกัด ได้เซ็นสัญญาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเพียงผู้เดียว โดยได้เปิดสาขาแรกที่อาคาร สยาม สเคป ชั้น 3 ใจกลางสยามสแควร์ และเตรียมจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 5 สาขาในปีนี้ และขยายเป็น 10 สาขาในปีหน้า และ 20 สาขาในปีถัดไป
โดยในปีนี้ เพลิคาน่า (ประเทศไทย) ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาท และตั้งเป้าธุรกิจ 3 ปี จะมีรายได้รวมประมาณ 500 ล้านบาท และจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2.5 % ของตลาดร้านอาหารแนวใหม่ที่ทันสมัย ซึ่งธุรกิจอาหารประเภท QSR ซึ่งมีร้านไก่ทอดเป็นเซกเมนต์ที่สำคัญ มีมูลค่าตลาดประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี และเติบโตปีละ 8 %
จุดเด่นของร้านไก่ทอดเพลิคาน่า คือ คุณภาพอาหารระดับพรีเมียม รสชาติเหมือนที่เกาหลี ในราคาที่คุ้มค่า เริ่มต้นที่ 99 บาท โดยทอดไก่ทีละจาน อาหารจะทำทีละออเดอร์ ไก่คุณภาพสูง วัตถุดิบนำเข้าจากเกาหลี หมักไก่ 24 ชั่วโมง เปลี่ยนน้ำมันทอดใหม่ทุกวัน และมีไก่ทอดให้เลือกถึง 10 รสชาติ เช่น ซอสซิกเนเจอร์ ซอสน้ำผึ้ง ซอสสโมกกี้ฮ็อต ซอสกังจอง ซอสเผ็ด ซอสสโมกกี้มาโย ซอสเผ็ดมาโย ซอสกระเทียม ซอสถั่วเหลือง และ โรยผงชีส
นางสาวอารดา นิธิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท เพลิคาน่า (ประเทศไทย) จำกัด ได้เล่าว่า เราได้พัฒนาเมนูพิเศษเฉพาะในประเทศไทย คือ ข้าวมันไก่ทอดเกาหลี เป็นเจ้าแรกในไทย โดยเราจะเสิร์ฟ ไก่ทอดเกาหลี พร้อมกับข้าวมันหอมมะลิของไทย ซึ่งคาดว่าลูกค้าจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากกระแสความนิยมข้าวมันไก่และไก่ทอดระดับพรีเมียม ได้เพิ่มขึ้นอย่างสูงและคาดว่าจะเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมและพรีเมียมแมส นอกจากนี้ เรายังได้พัฒนา ขนมปังบัน สูตรพิเศษจากญี่ปุ่น ใช้แป้งขนมปังจากญี่ปุ่น สำหรับเบอร์เกอร์ไก่ทอด ทำให้ บันของเรามีความนุ่มนวล เหนียว เป็นพิเศษ เพิ่มความอร่อยให้ไก่ทอด แบบไม่เหมือนใคร
ทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายอทิต ปัญทเศรษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด (CMO) ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตลาดของ MAGURO ที่สร้างปรากฎการณ์ร้านซูซิแถวยาวตั้งแต่เปิดตัว ซึ่งการเปิดตัว Perlicana ประเทศไทยมีแผนการตลาดน่าสนใจดังนี้ :
คุณอทิต ได้เล่าว่า ซึ่งที่ยากที่สุดสำหรับแบรนด์ คือ หากลุ่มลูกค้าของตัวเองให้เจอ หลายๆแบรนด์อยากจะโฟกัสกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม แต่บางทีเราไม่สามารถให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกกลุ่มได้
สำหรับ Perlicana มีความตั้งใจเจาะกลุ่มลูกค้า Gen Y ช่วงต้นๆ กลุ่ม First Jobber และคนทำงานรุ่นใหม่อายุ 22-30 ปี และ Gen Z คือ นักเรียนมัธยมและนักศึกษามหาวิทยาลัย
รวมถึง แฟนคลับของซีรีส์เกาหลี แฟนคลับศิลปิน K-Pop ทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวเอเชีย ที่มีกำลังซื้อเป็นลูกค้าเป้าหมายด้วยเช่นกัน
คุณอทิต ได้เล่าว่า สาขาแรก Perlicana เริ่มต้นที่สยามสแควร์ เนื่องจากได้ลงศึกษาพื้นที่ นั่งมองดูตั้งแต่เช้ายันดึก พบว่า ตึกสยามสเคป คือ ทำเลที่ดีที่สุด เพราะเป็นแหล่งรวมสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ 2 แห่งที่ตั้งอยู่บนสยามสเคป มีนักเรียนถึง 8,000 คน, สถาบันเรียนกวดวิชา ที่เป็นแหล่วงรวมตัวของเด็กๆที่ต้องมาเรียนหลังเลิกเรียน รวมถึง พื้นที่รอบๆก็เป็นที่ตั้งของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Perlicana สาขาสยาม จึงเป็นการตกแต่งร้านแบบวัยรุ่น ดูสนุกสนาน เข้าถึงง่าย โต๊ะทุกโต๊ะจะมีปลั๊กไฟเพื่อให้เด็กๆสามารถนั่งทำงานได้
นอกจากนี้ ทาง Perlicana ประเทศไทยยังได้มองทำเล ‘เลียบด่วน’ไว้ ซึ่งจะเป็นการบริการแบบ Full Service มีการเสิร์ฟแอลกอลฮอล์เหมือสาขาที่เกาหลี เพื่อจับกล่มลูกค้าทำงานที่มาทานอาหาร สังสรรค์กับเพื่อนต่อหลังเลิกงาน
ปฎิเสธไม่ได้ว่าในทุกวันนี้ เราอยู่ในยุคของการตลาดแบบดิจิทัล และอินฟลูเอนเซอร์ คือ ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์ในการสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภค
คุณอทิต ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “ถามว่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ได้ไหม คำตอบ คือ ได้ แต่ถ้าถามว่ารสชาติอาหารเราไม่อร่อยจริง การจ้างอินฟลูเอนเซอร์นั้นก็เป็นการตลาดแบบยั่งยืนอยู่ดี สุดท้ายลูกค้าจะมากินแค่รอบเดียวแล้วจากไป จะไม่เกิดการมาซ้ำซื้อซ้ำ สุดท้ายแล้วร้านอาหารสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ รสชาติ”
โดย Perlicana วางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบ “Word-of- Mouth” ด้วย Social Media, Viral Marketing & PR เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างกระแสไก่ทอดเกาหลีแท้ๆ ที่ทานได้ทุกวัน อร่อยเหมือนที่เกาหลี ในราคาคุ้มค่า
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้สร้าง ‘ARI’ เป็น มาสคอตของแบรนด์ Pelicana เพื่อสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น และสื่อถึงความทันสมัย สดใส และเป็นมิตร และมีแผนเตรียมด้าน Event และ Life Style Marketing เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศอีกด้วย