ภาพหม้อไฟสีเขียวที่คุ้นเคย ที่เคยสร้างรอยยิ้มให้กับใครหลายคน บัดนี้กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของการปิดฉากตำนานร้านอาหารที่เคยยิ่งใหญ่ Hotpot Buffet ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านอาหาร แต่เป็นความทรงจำ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทย ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไปท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค การปิดตัวของ Hotpot Buffet ไม่ใช่เพียงแค่ข่าวธุรกิจที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เป็นกรณีศึกษาที่ทรงคุณค่า ที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและบทเรียนที่ธุรกิจอาหารต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุที่ทำให้ Hotpot Buffet ต้องปิดตำนาน และถอดบทเรียนสำคัญที่ธุรกิจอาหารสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อความอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว
ปิดตำนาน Hotpot Buffet บทเรียนจากการจากลาของแบรนด์หม้อไฟชื่อดัง
การปิดตัวของ Hotpot Buffet ไม่ใช่เพียงแค่ข่าวธุรกิจ แต่เป็นการปิดฉากตำนานของร้านอาหารที่เคยครองใจคนไทยมากมาย จากร้านแรกที่เปิดตัวในปี 2547 ภายใต้ชื่อ "โคคาเฟรช สุกี้" สู่การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2555 และขยายสาขาไปทั่วประเทศกว่า 100 สาขาในช่วงเวลาหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชาบู บวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน และผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ Hotpot Buffet ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก จนต้องทยอยปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดต้องตัดสินใจปิดตำนานลงอย่างน่าเสียดาย
แม้ว่าโพสต์ประกาศปิดตัวจะไม่ได้ระบุสาเหตุโดยตรง แต่จากข้อความที่ว่า "Hotpot Buffet ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา" และภาพที่แสดงถึงความผูกพันของตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์กับลูกค้า สะท้อนให้เห็นถึงความซาบซึ้งและความขอบคุณที่ Hotpot Buffet มีต่อลูกค้าทุกคนที่เคยร่วมสร้างความทรงจำดีๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
การจากลาของ Hotpot Buffet เป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้แต่แบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รักก็อาจต้องเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ทั้งนี้ การปิดตัวของ Hotpot Buffet ไม่ได้หมายความว่า ความทรงจำและประสบการณ์ดีๆ ที่ลูกค้าเคยมีร่วมกับแบรนด์จะหายไป ความรู้สึกเหล่านี้จะยังคงอยู่ในใจของผู้คนต่อไป สำหรับ Hotpot Buffet เอง การปิดตัวครั้งนี้ อาจเป็นโอกาสในการทบทวนและปรับตัว เพื่อกลับมาในรูปแบบใหม่ที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
อะไรทำให้ HOT POT BUFFET ความนิยมลดลง จนต้อง ปิดตำนาน
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะตลาดชาบู-สุกี้ ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งหน้าใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า คุณภาพ และบรรยากาศที่เข้าถึงง่าย กลายเป็น "ฝันร้าย" ของ HOT POT BUFFET อดีตเจ้าตลาดที่เคยมีสาขากว่า 117 แห่ง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 4 สาขาเท่านั้น อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ HOT POT BUFFET ต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้?
- การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดชาบู ตลาดชาบูในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง ร้านอาหารประเภทสุกี้ ชาบู ระดับกลาง เน้นความคุ้มค่าและคุณภาพที่โอเค ผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น
- ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารอย่างกว้างขวาง HOT POT BUFFET เองก็ต้องปรับตัว หันมาขายออนไลน์ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ ส่งผลต่อรายได้และต้นทุน
- กระแสความนิยมของชาบูหม่าล่า เนื่องจากชาบูหม่าล่า กำลังเป็นที่นิยม ผู้บริโภคให้ความสนใจ ร้านหม่าล่าเปิดใหม่จำนวนมาก เฉลี่ยวันละ 1 ร้าน และจากข้อมูลของ บริษัท ดาต้าเซ็ตพบว่า มีคนพูดถึงหม่าล่ามากถึง 315,561 ครั้งต่อวัน
- กลยุทธ์การโปรโมทและการตลาดในยุคที่การแข่งขันสูง การโปรโมท การตลาด การจับกระแสเทรนด์ และการใช้ช่องทางออนไลน์เข้าถึงลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และ HOT POT BUFFET อาจมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่แข็งแกร่งพอ
- เน้นความคุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ร้านสุกี้-ชาบูระดับกลางที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เน้นความคุ้มค่า บรรยากาศสบายๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ กลายเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดใจมากกว่า
- กระแสบอกต่อ และบทวิจารณ์ ในยุคดิจิทัล กระแสบอกต่อและบทวิจารณ์ในโลกออนไลน์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคอย่างมาก HOT POT BUFFET อาจไม่สามารถควบคุมภาพลักษณ์ในโลกออนไลน์ได้ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของแบรนด์ต่อผู้บริโภคลดลง
ผลประกอบการ 5 ปีที่ผ่านมาขาดทุนมาตลอด
- ปี 2562 รายได้ 1,397 ล้านบาท ขาดทุน 158 ล้านบาท
- ปี 2563 รายได้ 701 ล้านบาท ขาดทุน 142 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 444 ล้านบาท ขาดทุน 340 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 544 ล้านบาท ขาดทุน 228 ล้านบาท
- ปี 2566 (งบ 9 เดือน) รายได้ 324 ล้านบาท ขาดทุน 66 ล้านบาท
ถ้าเราไปดูผลประกอบการก็จะเห็นว่า เจอปัญหาขาดทุนติดต่อกันมาหลายปี ต่อจากนี้ก็ต้องมารอดูกันว่าทางแบรนด์จะมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง อนาคตของ HOT POT BUFFET ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม การกลับมาทวงคืนบัลลังก์ในตลาดสุกี้-ชาบูอาจเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ บทเรียนราคาแพงครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
บทเรียนจาก Hot Pot Buffet: ถอดบทเรียนสู่ความอยู่รอดในธุรกิจอาหาร
กรณีศึกษาสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและบทเรียนที่ธุรกิจอาหารต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
- พฤติกรรมผู้บริโภค: รสนิยมและความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ธุรกิจต้องคอยติดตามเทรนด์ใหม่ๆ และปรับเมนู บริการ หรือบรรยากาศร้านให้ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ Hot Pot Buffet อาจพลาดโอกาสในการพัฒนาและปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าให้ทันสมัย ทำให้เสียความน่าสนใจไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหม่ๆ
- สภาวะเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจที่ผันผวนส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ธุรกิจต้องมีแผนรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เช่น การปรับราคา หรือการนำเสนอโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ
- เทคโนโลยี: เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจอาหาร ตั้งแต่การสั่งอาหารออนไลน์ไปจนถึงระบบการจัดการร้านค้า การนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
การบริหารต้นทุน
- วัตถุดิบ: การควบคุมต้นทุนวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าผันผวน การหาแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม การเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ และการบริหารสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ
- ค่าแรง: ค่าแรงเป็นต้นทุนสำคัญอีกอย่างหนึ่ง การบริหารจัดการพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะที่จำเป็น และการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานทำงานอย่างเต็มที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- ค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ: การเลือกทำเลที่ตั้งร้าน การเจรจาต่อรองค่าเช่า และการควบคุมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา เป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ
การสร้างความแตกต่าง
- เมนูอาหาร: การสร้างสรรค์เมนูอาหารที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากคู่แข่งเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดลูกค้า การใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ การนำเสนอเมนูที่น่าสนใจ และการพัฒนาเมนูใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
- บริการ: การให้บริการที่ดีและเป็นกันเองเป็นสิ่งที่ลูกค้าจดจำ การฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะในการให้บริการที่ดี และการสร้างบรรยากาศร้านที่เป็นกันเองช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
- การตลาด: การทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การจัดโปรโมชั่น และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความภักดีต่อแบรนด์
การรับมือกับวิกฤต
- วิกฤตการณ์โควิด-19: การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอาหาร ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น การให้บริการเดลิเวอรี่ การจัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่สั่งอาหารกลับบ้าน และการรักษามาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัย
- วิกฤตอื่นๆ: ธุรกิจต้องมีแผนรับมือกับวิกฤตอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภัยธรรมชาติ วิกฤตเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆ การมีแผนสำรองและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้
การปิดตัวของ Hot Pot Buffet เป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้แต่ธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จก็อาจต้องเผชิญกับความล้มเหลวได้ หากไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ การเรียนรู้จากบทเรียนของ Hot Pot Buffet และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว
อ้างอิงจาก FB Hot Pot Buffet และ jckhgroup