PS5 Pro เปิดตัวแผ่ว แต่ Sony มองการณ์ไกล สำหรับการเปิดตัวของ PlayStation 5 Pro ในตลาดเกมคอนโซล ดูเหมือนว่ายอดจองจะไม่ร้อนแรงอย่างที่คาดไว้ งานนี้ Sony จะแป้กหรือไม่? Digital Foundry ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ พร้อมเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ
แม้ยอดขายจะไม่หวือหวา แต่ Sony กลับไม่ได้กังวลใจ เพราะมีแผนการตลาดระยะยาวที่เน้นการสร้างระบบนิเวศ PlayStation 5 ให้แข็งแกร่ง มากกว่าจะมุ่งเน้นยอดขาย PS5 Pro เพียงอย่างเดียว กลยุทธ์นี้จะส่งผลอย่างไรต่ออนาคตของ PS5 Pro? บทความนี้มีคำตอบ!
แม้ยอดจอง PlayStation 5 Pro จะไม่ร้อนแรงเท่ากับ PlayStation 5 รุ่นมาตรฐานในช่วงเวลาเดียวกันของการเปิดตัวเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นอัปเกรดนี้จะประสบความล้มเหลวในตลาด
Digital Foundry กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ได้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวในพอดแคสต์รายสัปดาห์ โดยชี้ให้เห็นว่า ก่อนยุคการระบาดใหญ่ การที่เครื่องเล่นเกมคอนโซลไม่สามารถทำยอดขายหมดเกลี้ยงในช่วงเปิดจอง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้บ่งชี้ถึงความล้มเหลวทางการตลาดเสมอไป อาจมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย เช่น การวางแผนการผลิต กลยุทธ์ด้านราคา หรือแม้กระทั่งกระแสตอบรับจากผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคาดการณ์ว่าความต้องการ PS5 Pro จะไม่สูงเท่า PS4 Pro และ Xbox One X ซึ่งเป็นเครื่องเล่นเกมรุ่นอัปเกรดในยุคก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ PS4 Pro และ Xbox One X วางจำหน่ายในราคาเดียวกับรุ่นมาตรฐาน จึงดึงดูดผู้บริโภคได้มากกว่า ในขณะที่ PS5 Pro มีราคาสูงกว่า PS5 รุ่นมาตรฐาน
นอกจากนี้ สถานการณ์ห่วงโซ่อุปทานของ PS5 Pro ที่มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงเปิดตัว PS5 รุ่นมาตรฐาน ประกอบกับการใช้ชิปประมวลผลที่ไม่ได้ล้ำสมัยเท่ากับในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่ PS5 รุ่นมาตรฐานเปิดตัว ส่งผลให้ Sony น่าจะมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเปิดตัว PS5 Pro ซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์ของ PS5 รุ่นมาตรฐาน ที่ประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าอย่างหนัก
แม้กระแสตอบรับในช่วงเปิดจอง PlayStation 5 Pro อาจไม่ร้อนแรงเท่าที่คาดการณ์ แต่ดูเหมือนว่า Sony จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับยอดขายในระยะสั้นมากจนเกินไป โดยบริษัทมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศ PlayStation 5 ในภาพรวม มากกว่าการผลักดันยอดขายของ PS5 Pro เพียงอย่างเดียว กลยุทธ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Sony ในการสร้างความหลากหลายให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ ยิ่งไปกว่านั้น PS5 Pro ยังมีอัตรากำไรที่สูงกว่ารุ่นมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้ Sony สามารถสร้างผลกำไรได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพายอดขายในปริมาณมาก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจาฟกทีม Digital Foundry แสดงความเห็นว่า ยอดขายของ PS5 Pro ควรอยู่ในระดับที่มากพอ ที่จะจูงใจให้นักพัฒนาเกม ลงทุนในการพัฒนาเกมเวอร์ชัน PS5 Pro ที่มีคุณภาพ เพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ล้ำสมัยให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบนิเวศ PlayStation โดยรวมในระยะยาว
นอกจากการวิเคราะห์ด้านยอดขายแล้วทาง Digital Foundry ยังได้ทำการทดสอบ Final Fantasy VII Rebirth บน PlayStation 5 Pro ซึ่งเป็นเกมที่ได้รับการคาดหมายว่าจะแสดงศักยภาพของเครื่องเล่นเกมรุ่นอัปเกรดนี้ได้อย่างเต็มที่ กลับพบว่ายังคงมีปัญหาในด้านเสถียรภาพของภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของวัตถุที่ประกอบฉาก อาทิ ใบไม้ และวัตถุทางเรขาคณิตที่อยู่ห่างไกล ซึ่งแสดงอาการสั่นไหวให้เห็นอย่างชัดเจน สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง คือ การเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำกว่า 4K แล้วนำมาขยายเพื่อแสดงผลบนหน้าจอ 4K ส่งผลให้เกิดความพร่ามัว และขาดความคมชัดในบางจุด
อย่างไรก็ดี คุณภาพของภาพโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโหมด Performance Mode บน PS5 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งคุณภาพของภาพอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า แต่ประเด็นที่น่าผิดหวัง คือ Final Fantasy VII Rebirth บน PS5 Pro ไม่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพของภาพเพิ่มเติม โดยได้รับการยืนยันแล้วว่าโหมด PS5 Pro จะใช้การตั้งค่าภาพเดียวกันกับโหมด Graphics Mode บน PS5 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นไม่ได้รับประสบการณ์ด้านภาพที่เหนือระดับ อย่างที่คาดหวังไว้ แม้จะเล่นบนเครื่อง PS5 Pro ก็ตาม
ข้อสังเกตดังกล่าว อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ที่คาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่า PS5 รุ่นมาตรฐาน ทั้งในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพกราฟิก อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลการวิเคราะห์เชิงลึกจาก Digital Foundry ฉบับสมบูรณ์ เพื่อประเมินคุณภาพโดยรวมของ Final Fantasy VII Rebirth บน PS5 Pro ต่อไป
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของ PlayStation 5 Pro โดย Digital Foundry พบว่าแม้ยอดจองเบื้องต้นอาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังคงเร็วเกินไปที่จะสรุปผลลัพธ์ทางการตลาดในระยะยาว Sony ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างระบบนิเวศของ PlayStation 5 โดยรวมมากกว่าการมุ่งเน้นยอดขายของ PS5 Pro เพียงอย่างเดียว กลยุทธ์นี้อาจสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Sony ในการสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่ม ยิ่งไปกว่านั้น อัตรากำไรที่สูงขึ้นของ PS5 Pro ช่วยให้ Sony สามารถสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพายอดขายในปริมาณมาก
อย่างไรก็ตาม ปริมาณยอดขายของ PS5 Pro ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระตุ้นให้นักพัฒนาเกมลงทุนในการพัฒนาเกมเวอร์ชัน PS5 Pro ที่มีคุณภาพสูง เพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์ออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในส่วนของ Final Fantasy VII Rebirth แม้คุณภาพกราฟิกโดยรวมบน PS5 Pro จะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่ประเด็นที่ Digital Foundry หยิบยกขึ้นมาคือปัญหาเสถียรภาพของภาพ และการที่ตัวเกมไม่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพกราฟิกเพิ่มเติมจาก PS5 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคบางส่วน ท้ายที่สุดนี้ ผลการวิเคราะห์เชิงลึกฉบับสมบูรณ์จาก Digital Foundry และการตอบรับจากผู้บริโภคในระยะยาวจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญต่อความสำเร็จของ PlayStation 5 Pro ในตลาดเกมคอนโซลยุคใหม่
ที่มา Digital Foundry