ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกำลังเฟื่องฟู ใครหลายคนอาจคิดว่าสื่อบันเทิงในรูปแบบแผ่นกำลังจะกลายเป็นอดีต แต่สำหรับวงการเกมแล้ว "แผ่นเกม" ยังคงมีที่ยืนอย่างแข็งแกร่งในตลาด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดมีรายงานว่า PlayStation 5 รุ่นที่มาพร้อมไดรฟ์สำหรับอ่านแผ่นเกม ยังคงครองส่วนแบ่งยอดขายสูงถึง 82% สวนทางกับกระแสดิจิทัลที่กำลังมาแรง อะไรคือปัจจัยที่ทำให้แผ่นเกมยังคงครองใจผู้บริโภคชาวอเมริกัน?
รายงานการวิจัยตลาดล่าสุดเผยให้เห็นถึงความนิยมที่ยังคงแข็งแกร่งของแผ่นเกมในหมู่ผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยผลสำรวจจาก Circana บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ ระบุว่า PlayStation 5 รุ่นที่มาพร้อมไดรฟ์สำหรับอ่านแผ่นเกมนั้น ครองส่วนแบ่งยอดขายในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 82% ในขณะที่ PlayStation 5 Digital Edition ซึ่งไม่มีไดรฟ์สำหรับอ่านแผ่นเกม มียอดจำหน่ายเพียง 18% เท่านั้น
ผลการสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงให้ความสำคัญกับรูปแบบการเล่นเกมแบบดั้งเดิม แม้ว่า Sony จะพยายามผลักดัน PlayStation 5 Digital Edition ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น และมีแผนการเปิดตัว PlayStation 5 Pro ที่รองรับเฉพาะเกมในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะลงทุนกับ PlayStation 5 รุ่นที่มาพร้อมไดรฟ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยด้าน "ความเป็นเจ้าของ" และ "โอกาสในการขายต่อ" ยังคงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ
จากข้อมูลนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่าแผ่นเกมยังคงเป็นสื่อบันเทิงที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดย "ความสะดวกในการขายต่อ" ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถนำเกมที่เล่นจบแล้วไปขายต่อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเกมใหม่ น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แผ่นเกมยังคงครองใจผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
ถึงแม้ยอดขาย PlayStation 5 รุ่นดิจิทัลจะเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมแล้วผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงนิยม PlayStation 5 รุ่นมีไดรฟ์อยู่ ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ Mat Piscatella เผยว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา PlayStation 5 Digital Edition มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 40% อย่างไรก็ตาม เมื่อดูยอดขาย PlayStation 5 ทั้งหมดแล้ว รุ่นที่มาพร้อมไดรฟ์สำหรับอ่านแผ่นเกมยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 82% ในขณะที่รุ่นดิจิทัลมียอดขายรวมเพียง 18% เท่านั้น
สำหรับภาพรวมตลาดเกมคอนโซลในสหรัฐอเมริกา PlayStation 5 ยังคงครองแชมป์ทั้งในด้านยอดขายและรายได้ ตามมาด้วย Nintendo Switch ในด้านรายได้ และ Xbox Series ในด้านยอดขาย แต่ที่น่าจับตามองคือ ยอดขายเกมคอนโซลโดยรวมในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยยอดขาย Xbox ลดลง 54% PlayStation 5 ลดลง 45% และ Nintendo Switch ลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ยอดขายรวมของเกมคอนโซลลดลง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้น ณ ปัจจุบัน ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกที่จะจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่สามารถเล่นเกมจากแผ่นได้ แม้ว่าในอนาคตเกมต่างๆ อาจจะวางจำหน่ายเฉพาะในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ผู้เล่นยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว
จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่าแม้ยอดขายเกมคอนโซลโดยรวมในสหรัฐอเมริกาจะมีแนวโน้มลดลง แต่แผ่นเกมก็ยังคงครองส่วนแบ่งในตลาดได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ PlayStation 5 ที่รุ่นที่มาพร้อมไดรฟ์ขายดีกว่ารุ่นดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงให้ความสำคัญกับแผ่นเกมอยู่ไม่น้อย
เหตุผลหลักๆ น่าจะมาจากความรู้สึก "เป็นเจ้าของ" ที่ผู้เล่นได้รับจากการมีแผ่นเกมที่จับต้องได้ รวมถึงความสามารถในการ "ขายต่อ" หรือแลกเปลี่ยนเกมกับผู้เล่นคนอื่นๆ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเปิดโอกาสให้เข้าถึงเกมที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ บางคนอาจยังไม่มั่นใจในความเสถียรของแพลตฟอร์มดิจิทัล และกังวลว่าอาจมีปัญหาในการเข้าถึงเกมในอนาคต
แม้ว่า Sony จะพยายามผลักดัน PlayStation 5 รุ่นดิจิทัลด้วยราคาที่ถูกลง แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์นี้ยังไม่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้มากนัก เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงเต็มใจที่จะจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อเครื่องที่มาพร้อมไดรฟ์สำหรับเล่นแผ่นเกม จากข้อมูลนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่าแผ่นเกมยังคงเป็นสื่อบันเทิงยอดนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวอเมริกัน และความสะดวกในการขายต่อ รวมถึงความรู้สึกเป็นเจ้าของ น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แผ่นเกมยังคงครองใจผู้เล่น แม้ในยุคที่เกมดิจิทัลกำลังมาแรงก็ตาม
ที่มา tech4gamers