ในยุคที่กระแส Fast Fashion ถาโถม แบรนด์เสื้อผ้าต่างแข่งขันกันรุกตลาดด้วย "ความรวดเร็ว" แต่ Zara กลับเลือกเดินเกมส์สวนกระแส โดยชู "ความแม่นยำ" ในการเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ล่าสุดซีอีโอแห่ง Inditex บริษัทแม่ของ Zara แบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากสเปน เผยถึงกลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนให้ Zara ครองใจลูกค้าทั่วโลก โดยย้ำว่า "ความแม่นยำ" ในการวิเคราะห์และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สำคัญยิ่งกว่า "ความรวดเร็ว" ในการออกสินค้า ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งลดปริมาณสินค้าคงคลัง และตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ
Oscar Garcia Maceiras ซีอีโอ Inditex บริษัทแม่ของ Zara แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำระดับโลกจากสเปน เปิดเผยถึงกลยุทธ์สำคัญที่ผลักดันให้ Zara ประสบความสำเร็จ โดยเน้นย้ำว่า "ความแม่นยำ" ในการวิเคราะห์และตอบสนองความต้องการของลูกค้า มีความสำคัญยิ่งกว่า "ความรวดเร็ว" ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรในการลดปริมาณสินค้าคงคลัง และตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น
ในการให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia โดย Garcia Maceiras ระบุว่า Zara สามารถควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับต่ำ และจำหน่ายสินค้าในราคาปกติได้ในสัดส่วนสูงสุด โดยอาศัยเครือข่ายฐานการผลิตที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกับสำนักงานใหญ่ในประเทศสเปน เพื่อรักษาความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสต็อกสินค้า
"เราไม่ได้มุ่งเน้นที่ความรวดเร็วเป็นสำคัญ แต่ให้ความสำคัญกับความแม่นยำในการเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้า" Garcia Maceiras กล่าวในระหว่างการประชุม Global Management Dialogue ซึ่งจัดขึ้นโดย Nikkei ร่วมกับ IMD สถาบันธุรกิจชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์
นอกจากนี้ Garcia Maceiras ยังเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของ Inditex มาจากโรงงานในประเทศสเปน โปรตุเกส โมร็อกโก และตุรกี "เครือข่ายฐานการผลิตที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกันนี้ ช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการผลิต เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างทันท่วงที แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านปริมาณสต็อกสินค้า" Garcia Maceiras กล่าวเสริม
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าแฟชั่นที่เน้นความรวดเร็ว มักกำหนดแผนการผลิตและปริมาณสินค้าคงคลังล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนก่อนฤดูกาลจำหน่าย Garcia Maceiras แสดงความเชื่อมั่นว่า Inditex สามารถรักษาความเป็นผู้นำ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์จากประเทศจีน เช่น Shein และ Temu
"อุตสาหกรรมแฟชั่นมีลักษณะกระจายตัว และประกอบด้วยผู้เล่นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากเรามีโมเดลธุรกิจที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เราย่อมสามารถแข่งขันและธำรงความสามารถในการแข่งขันไว้ได้" เขากล่าว "ปรัชญาขององค์กร คือ การทำให้แฟชั่นเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ โดยคำนึงถึงคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบ ความยั่งยืน และระดับราคาที่เหมาะสม"
Garcia Maceiras กล่าวถึงประเด็นความยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคในอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยยืนยันว่า Inditex ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าสองทศวรรษ
"เรามีโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยนำวัสดุเหลือใช้จากสิ่งทอ กลับมาใช้ซ้ำและรีไซเคิล เพื่อแปรรูปเป็นเส้นใยและวัสดุใหม่" เขากล่าว "บริษัทมีแผนจะลงทุน 1.8 พันล้านยูโร (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์" ภายในปีงบประมาณ 2568 "เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มความสามารถในการจัดส่งสินค้า ให้สอดคล้องกับความต้องการด้านเวลาและสถานที่"
Garcia Maceiras กล่าวสรุปในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์เพื่อนำเสนอผลประกอบการของบริษัทเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า "แผนงานต่างๆ กำลังดำเนินไปตามเป้าหมายที่วางไว้"
กลยุทธ์ "แม่นยำ" เหนือ "รวดเร็ว" ที่ Zara นำมาใช้ ถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยมิได้เป็นเพียงการตอบสนองต่อกระแสความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ขององค์กรในการสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ ด้วยการ
อย่างไรก็ดี แม้ Zara จะมีความโดดเด่นในด้านความแม่นยำ แต่ก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น การแข่งขันจากคู่แข่ง พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน การปรับตัวเชิงรุก และการลงทุนในนวัตกรรม Zara มีศักยภาพในการธำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่น และส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
ที่มา nikkeiasia