หลังจากที่เปิดบริการเรียกรถแท็กซี่มานานหลายปี รวมถึงการเห็นช่องว่างของตลาด Ride-Hailing ที่มีราคาสูงขึ้นนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ทำให้ ‘LINE MAN’ ตัดสินใจเปิดตัวบริการเรียกรถครบวงจรอย่าง ‘LINE MAN RIDE’ ครอบคลุมทั้งการเรียกรถยนต์ แท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์ ผ่านแนวคิด ‘ราคาถูก ปลอดภัย’ ด้วยการเติบโตกว่า 60%
จากจุดเด่นของการเป็นผู้นำออนดีมานด์แพลตฟอร์ม และเห็นถึงโอกาสในตลาด Ride-Hailing ที่มีมูลค่าไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ในปี 2567 และจะแตะที่ประมาณ 34,000 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยอัตราการเติบโตสองหลัก ทำให้ LINE MAN ตัดสินใจเพิ่มบริการการเรียกรถ เพื่อให้แพลตฟอร์มของบริษัทมีความครบครันมากขึ้น
LINE MAN RIDE เริ่มเปิดให้บริการ soft launch ในช่วงปลายปี 2566 และหลังจากที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกรมการขนส่งทางบกในช่วงต้นปี 2567 LINE MAN RIDE จึงเปิดให้บริการแบบครบวงจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมียอดการใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนติด 1 ใน 3 ผู้เล่นหลักของตลาด Ride-Hailing
ศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจบริการด้านออนดีมานด์ LINE MAN Wongnai กล่าวว่า “บริการ LINE MAN RIDE มีความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างแน่นอน เพราะเราได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ มีการร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และได้สร้างมาตรฐานที่แข็งแกร็ง เราต้องการเป็นบริการเรียกรถที่ตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการบริการที่มีราคาถูก และความปลอดภัยสูง เนื่องจากตัวเลือกในตลาดตอนนี้ ลูกค้าต้องเลือกระหว่าง ‘แพงแต่ปลอดภัย’ หรือ ‘ถูกแต่ไม่ปลอดภัย’ เท่านั้น”
สาเหตุที่ LINE MAN RIDE เพิ่งเปิดให้บริการภายในปีนี้ เป็นเพราะว่า LINE MAN ต้องการปฎิบัติตามกฎระเบียบของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงเห็นช่องว่างของตลาด Ride-Hailing ที่มีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากช่วงของโควิด-19 และความพร้อมด้านระบบนิเวศและเทคโนโลยีของบริษัท ทำให้ตัดสินใจให้บริการเรียกรถแบบครบวงจรอย่างเป็นทางการ
แม้จะเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้ แต่ ‘ศิวภูมิ’ มองว่า LINE MAN RIDE สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานคนไทยได้อย่างแน่นอน ผ่านฟีเจอร์เด่นๆ ในบริการที่สร้างขึ้นมาตาม pain point ของผู้ใช้งานคน ด้วยจุดยืน 3 ข้อหลักๆ ดังนี้:
ในขณะที่จุดเด่นของฟีเจอร์ใน LINE MAN RIDE ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของคนไทย มีดังนี้:
ส่วนประเภทบริการเรียกรถยอดนิยม ได้แก่ LINE MAN ECO, LINE MAN BIKE, และ LINE MAN TAXI ตามลำดับ โดย LINE MAN Bike บริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์เติบโตถึง 390% (ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567) เนื่องจากตอบโจทย์ผู้ใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ต้องการความรวดเร็ว และการเดินทางที่คล่องตัว
สำหรับความเสี่ยงของการตั้งราคาถูก ‘ศิวภูมิ’ เผยว่า บริษัทได้มีการศึกษากลไกของการตั้งราคามาอย่างดี รวมถึง มีความเข้าใจในตลาดสูง ทั้งในฝั่งของผู้ใช้งานและคนขับ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร จุดยืนของ LINE MAN RIDE คือ ‘ถูกกว่าตลาดแน่นอน’
ถึงแม้ในบางช่วงเวลา เช่น ชั่วโมงเร่งด่วน ราคาการใช้บริการ Ride-Hailing จะมีการดีดขึ้นลงก็ตาม แต่ LINE MAN RIDE ยืนยันว่า ราคาของตนจะถูกที่สุดในตลาด รวมถึงเก็บคอมมิชชั่นจากคนขับรถเพียง 10% เท่านั้น หมายความว่า คนขับจะได้รับค่าบริการที่ 90% เต็มๆ
ส่วนเป้าหมายในอนาคต ‘ศิวภูมิ’ แบ่งออกตามช่วงเวลาดังนี้:
“เราเข้าใจพฤติกรรมและปัญหาการใช้งานของคนไทยดี เพราะฉะนั้น ยังไงราคาของ LINE MAN RIDE ก็ถูกกว่า Bolt และ Grab อย่างน้อยถูกกว่า 10% แน่นอน” ศิวภูมิ กล่าว