เริ่มต้นปี2566 มาหลายธุรกิจเปิดแผนธุรกิจลุยกันอย่างเต็มสูบ หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยล่าสุด สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกมาคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่า จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.8%ต่อปี และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ขยายตัวอยู่ที่ 3% และมองว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยว และอุปสงค์ในประเทศ
จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต จึงทำให้หลายบริษัทเปิดเกมรุกแผนธุรกิจกันอย่างเข้มข้น หนึ่งในนั้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่บอสใหญ่ อย่าง “นายเศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลั่นกลองรบเปิดแผนธุรกิจปี2566 เต็มสูบ หลังจากหยุดชะงักไปนานจากพิษโควิด-19 โดยแผนธุรกิจของแสนศิริปี2566 มีดังนี้
-ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง
-ให้ความสำคัญกับสังคม และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง สร้างความยั่งยืนในอนาคต
-เตรียมเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่า 75,000 ล้านบาท
เปิดตัว 52 โครงการใหม่ทุบสถิติใหม่ ยอดขาย 55,000 ล้านบาท
สำหรับการเปิดตัวโครงการนับว่าเป็นการทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2566 ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้าหมายรายได้อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกันนี้รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิ ที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา สำหรับปี2565แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท เติบโตเกือย 50% จากปี2564 และมียอดโอน 36,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2564
ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ (SIRI) เปิดเผยว่า ปี2566 แสนสิริจะก้าวอย่างแข็งแกร่งเติบโต และอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์สำคัญ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ดังนี้
1.รุกขยายธุรกิจเต็มสูบ สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม
โดยมีการวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่า 75,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี2565 74% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว
2.เปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่จากแสนสิริ ครอบคลุมทุกเซกเมนต์
ทั้งนี้เพื่อขยายในแต่ละ Portfolio ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่แบรนด์ที่อยู่ใน Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักซ์ชัวรีเพื่อให้เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 (นัมเบอร์ นายทีน) และ Sirinsiri (สิริณสิริ) แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ Narinsiri (ณริณสิริ) และ Ombré (ออมเบร) รวมทั้งแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ที่จะเริ่มทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ต่างๆ ในปีนี้ เพื่อตอกย้ำ Forward Thinking Brand และความเป็น First Mover ของแสนสิริ
3.รุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง
โดยวางเป้าหมายหลังใน 6 จังหวัด ได้แก่ หัวหิน, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่ , ขอนแก่น และชลบุรี ซึ่งแสนสิริประสบความสำเร็จและได้รับความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ โดยในปีนี้จะเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท ขณะที่ กลยุทธ์ในการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แสนสิริจะเน้นการเปิดตัวโครงการที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในแต่ละทำเล เพื่อบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
แผนธุรกิจอื่นๆ ของแสนสิริ ที่น่าสนใจ
-No.1 in International Market
แสนสิริยังได้ชูความพร้อมรับปัจจัยบวก “การกลับมาของตลาดต่างชาติ” โดยวางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนตลาดต่างชาติ ในปีนี้ไว้กว่า 12,000 ล้านบาท โตขึ้น 54% จากปีก่อน ที่มียอดขายจากตลาดต่างชาติ 7,800 ล้านบาท พร้อมขยายตลาดต่างชาติให้กว้างขึ้นจาก จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซีย
-Net-Zero
แสนสิริยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียว โดยวางเป้าหมายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่เป็น Net-Zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวดีทำให้ภาคธุรกิจเร่งเครื่องแผนธุรกิจรับกำลังซื้อฟื้นแสนสิริ คืออีกหนึ่งแบรนด์ยักษ์ใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ประกาศแผนธุรกิจชัดเจนว่าปี2566 จะเปิดตัว 52 โครงการใหม่ นับว่าทุบสถิติใหม่ที่ตั้งบริษัทมา !