วันนี้ที่รอคอย! มาถึงเมื่อ ‘GMM MUSIC’ (จีเอ็มเอ็มมิวสิค) และ ‘RS MUSIC’ (อาร์เอสมิวสิค) ได้ความร่วมมือในการจัดตั้งกิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส (ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE)
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมจัด SERIES CONCERT (ซีรีส์คอนเสิร์ต) ครั้งประวัติศาสตร์ ที่รวบรวมศิลปินตั้งแต่ยุค 90 และยุค 2000 ของทั้ง 2 ค่ายมารวมตัวกันอย่างอัดเเน่น
นำโดย เจ เจตริน, ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, คริสติน่า อากีล่าร์, แร็พเตอร์, ใหม่ เจริญปุระ, โดม ปกรณ์ ลัม, มอส ปฏิภาณ, ลิฟท์-ออย, ทาทา ยัง, เต๋า สมชาย, นิโคล เทริโอ, เจมส์ เรืองศักดิ์, มาช่า วัฒนพานิช, นุ๊ก สุทธิดา, นัท มีเรีย, เกิร์ลลี่ เบอร์รี่, ซาซ่า, โฟร์ ศกลรัตน์, กอล์ฟ พิชญะ, หวาย, 2002 ราตรี, ไชน่าดอลส์, แคทรียา อิงลิช, เนโกะจัมพ์, ญาญ่าญิ๋ง, เฟย์ ฟาง แก้ว, เป๊ก ผลิตโชค, แดน-บีม, ลิเดีย ศรัณย์รัชต์, ชิน ชินวุฒ, บาซู, ไอซ์ ศรัณยู, ดัง พันกร, แบงค์ ปรีติ, ปาน ธนพร, หนุ่ม กะลา, แหม่ม พัชริดา, โบ สุนิตา, ฟลุ๊ค ไอน้ำ, อ๊อฟ ปองศักดิ์, ศรราม, จั๊ก ชวิน, นิว-จิ๋ว, โจ๊ก โซคูล, อู๋ ธรรพ์ณธร, แอม เสาวลักษณ์, หญิงลี, ไท ธนาวุฒิ, ปีเตอร์ คอร์ป, อี๊ด ฟลาย, ป๊อป ปองกูล, อนัน อันวา และศิลปินอีกมากมาย
ในคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ โดยทั้ง 2 บริษัท ลงนามตกลงความร่วมมือ ด้วยการนำจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท ร่วมลงทุน ร่วมลงความเชี่ยวชาญ เพื่อส่งมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้คนไทย
โดยเป็นโปรเจกต์ยักษ์ต่อเนื่องแบบ 3 ปี โดยจะมีการกำหนดหน้าหนังการแสดงเป็นปีต่อปี
สำหรับปี 2023 นี้ จะมีการจัด 3 คอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในเดือนกรกฎาคม กันยายน และตุลาคมนี้
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดที่ความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ การได้ทำงานร่วมกัน เพื่อมอบความสุขที่พิเศษ และยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับเเฟนเพลงชาวไทยทุกคน เราจะใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อทำให้คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นที่น่าจดจำ และเป็นกรณีศึกษาที่เป็นประโยชน์อย่างไม่ลืมเลือน"
" ผมนั่งเป็น CEO มา 5 ปี ได้เริ่มคุยกับ RS ตั้งแต่ปีที่ 3 ดีลนี้ใช้เวลาในการคุยประมาณ 5 ปี ขณะนี้ผมคงโฟกัสที่คอนเสิร์ตก่อน 3 ปีนี้ และมั่นใจว่าเมื่อ GMM ทำคอนเสิร์ต ราคาบัตรที่ขาย จะสามารถคุ้มต้นทุน และ SOLD OUT แน่นอน ปีนี้ยังไม่ได้รบกวนพี่เบิร์ด ก็เปิดโอกาสอาจจะเป็นปีหน้าหรือปีถัดไปก็ได้ "
" การที่มีอีเวนต์นี้ ก็จะช่วยส่งผลดีทำให้มีคนหันมาฟังเพลงผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในแพลตฟอร์มนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพลงเก่าที่มีอยู่แล้วกว่า 85% และอีก 15% จะเป็นเพลงใหม่ " นายภาวิตกล่าว
นายภาวิต กล่าวอีกว่า "โชว์บิช รายได้รวมประมาณ 5 พันล้านบาท/ปี เป็นของไทยประมาณ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของโชว์บิชในไทยเพิ่มขึ้น"
ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการ กิจการร่วมค้าอะครอสเดอะยูนิเวิร์ส ซึ่งเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์นี้ของทาง อาร์เอส กรุ๊ป กล่าวว่า “อาร์เอส และ แกรมมี่ เป็นเพื่อนร่วมสร้างอุตสาหกรรมเพลงของไทยมาด้วยกัน ครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษมาก ๆ ที่เราได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างปรากฏการณ์ความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้กับแฟน ๆ รวมถึงมอบความสุขให้กับศิลปินทั้ง 2 บริษัท ได้ร้องเพลง และเต้นกันแบบเต็มที่”
ในแง่ของธุรกิจ ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือในรูปแบบ JV เพื่อการจัดคอนเสิร์ต GRAMMY RS โดยเฉพาะ ซึ่งทั้งสองฝ่ายลงทุนเท่ากัน ช่วย Support กันในทุกด้านของการทำงาน ในขณะเดียวกัน และก็คาดหวังให้แฟนคลับ ศิลปิน ทีมงานทุก ๆ คน มีความสุขจากการเข้าร่วม และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของคอนเสิร์ต GRAMMY RS ไปด้วยกัน
ใครจีบใครก่อน " ต่างคนต่างเข้าหากันในเวลาที่แตกต่างกัน ณ ตอนนั้นเหมือนเวลาไม่เหมาะสม แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะหลังโควิด มีการคุยกันลงตัวมากขึ้น และผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย ซัพพอร์ตกัน"
นายวิทวัส กล่าวว่า ราคาระดับที่เหมาะสม และราคาเข้าถึงได้ คาดว่าประมาณ 2,000-6,000 บาท/ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม การผนึกกำลังครั้งนี้ของ ‘GMM MUSIC’ (จีเอ็มเอ็มมิวสิค) และ ‘RS MUSIC’ (อาร์เอส มิวสิค) ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ช่วยเพิ่มสีสัน และสร้างความแปลกใหม่ให้กับทั้งวงการเพลงไทย และวงการการตลาด กระแสความแรง ความพิเศษ และความสนุกที่จะเกิดขึ้นจาก 3 คอนเสิร์ตจากศิลปินกว่า 100 ชีวิต ในปีแรกนี้คงเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะคำว่า SOLD OUT ในพริบตา คงเป็นสิ่งที่คาดการณ์ และพิสูจน์ได้ว่าปรากฏการณ์ ระดับประเทศในครั้งนี้จะจบลงด้วยความสำเร็จอย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะสร้างรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 220 ล้านบาทขึ้นไป โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าจะกำไรประมาณกว่า 100 ล้านบาท
ปัจจุบัน GRAMMY มีเพลงลิขสิทธิ์ อยู่ที่ประมาณกว่า 5 หมื่นเพลง ขณะที่ RS มีเพลงลิขสิทธิ์ อยู่ประมาณ 1 หมื่นเพลง