ภาพรวมของธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ในไตรมาส 1 ปีนี้สดใสในทุกกลุ่มธุรกิจ และสร้างรายได้และกำไรเติบโตเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 63,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เทียบปีที่แล้ว EBITDA 8,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เทียบปีที่แล้ว กำไรสุทธิ 2,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% เทียบปีที่แล้ว ดังนั้นเป้าหมายรายได้โต 12-15% ในปี 2566 มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว
กลุ่มสินค้าในหมวดความงามของเซ็นทรัล ยังคงเติบโตอย่าต่อเนื่อง สะท้อนผ่านยอดขายรวมของแผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store ที่เติบโตขึ้น 14% และมีจำนวนการใช้จ่าย (Transac-tions) เพิ่มขึ้น 12% ในไตรมาส 1 ปีนี้
โอลิวิเยร์ บรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ระบุว่า แผนก บิวตี้ แกเลอรี (Beauty Galerie) ห้างเซ็นทรัล เป็นผู้ริเริ่มการนำเข้าสินค้าความงามแบรนด์ดังระดับโลกให้คนไทยได้เลือกซื้อสินค้า โดยรวบรวมกว่า 500 แบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกครอบคลุมทุกหมวดสินค้าไม่ว่าจะเป็น เมกอัป, สกินแคร์, น้ำหอม และอุปกรณ์ความงาม ให้ลูกค้าได้ช้อปครบจบในที่เดียว โดยพื้นที่แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน และ KIS Beauty Store มีสาขารวมกันทั้งหมด 109 สาขาทั่วประเทศ รวมเป็นพื้นที่กว่า 78,802 ตารางเมตร
1. INdividualism
นำเสนอคอนเซ็ปต์ในการออกแบบแผนกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไปในแต่ละสาขา รวมถึงเปิดโอกาสให้แต่ละแบรนด์ได้ชูอัตลักษณ์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ พาร์ทเนอร์ชั้นนำ รวมถึงสินค้าที่มีความหลากหลายและการันตีของแท้ 100% ทำให้ลูกค้าเชื่อถือและไว้วางใจในการช้อปปิ้งกับห้างเซ็นทรัลมาอย่างยาวนาน ทำให้เรามีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งในวงการตลาดความงามของเมืองไทย
2.INclusivity
เสนอสินค้าความงามอย่างครบครันจากหลากหลายแบรนด์ดัง ทั้งแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะห้างเซ็นทรัลเท่านั้น ทั้งยังครบครันด้วยกลุ่ม Prestige และ Masstige ครอบคลุมสินค้าทุกเซกเมนต์ให้ลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์ได้เลือกช้อป
โดยห้างเซ็นทรัลเป็นเจ้าแห่งแบรนด์ระดับ Prestige ด้วยสัดส่วนแบรนด์มากถึง 90% ส่วนแบรนด์ Masstige จะวางจำหน่ายใน KIS Beauty Store ซึ่งเป็น Multi-Brand Beauty Store ที่เจาะตลาดนักช้อปมิลเลเนียล โดยเมื่อนับแบรนด์ความงามจากแผนก บิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล, แผนกบิวตี้ ห้างโรบินสัน, KIS Beauty Store และ Central App จะทำให้เซ็นทรัลมีแบรนด์ความงามรวมกว่า 500 แบรนด์ มากที่สุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของไทย พร้อมอิมพอร์ต 5 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ L:A Bruket, Elemis, Avenue, Acqua di Parma และ Olaplex ให้สาวกบิวตี้เลิฟเวอร์ได้ช้อปไอเทมชิ้นโปรด
3.INsights
มุ่งทำการตลาดแบบ Targeted Marketing ด้วยการนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ได้เป็นอย่างดี ด้วยฐานข้อมูลลูกค้าของ The 1 กว่า 20 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 66) บวกกับการใช้ Marketing Technology หรือ Martech ทำให้ “ห้างเซ็นทรัล” เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ “แผนกบิวตี้ แกเลอรี ห้างเซ็นทรัล” เป็นมากกว่าเดสติเนชันด้านความงาม แต่เป็นเพื่อนที่รู้ใจของเหล่า Beauty Lovers
4.INnovation
นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่แผนกบิวตี้ แกเลอรี ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบแผนกให้ดูทันสมัยด้วยการใช้ Digital Signage, การสนับสนุนให้แบรนด์นำ Beauty – Technology มาสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าทุกคน อย่าง เครื่องตรวจสภาพผิว เครื่องวิเคราะห์สภาพผมและหนังศีรษะ AR Filter ที่ช่วยเลือกสีเครื่องสำอางที่เหมาะกับสีผิว เป็นต้น รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเชื่อมต่อการช้อปของห้างและออนไลน์ไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ (Omnichannel) เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปที่เหนือกว่า
5.INspiration
มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ลูกค้าอย่างไม่รู้จบ ผ่านแคมเปญและกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสร้าง Beauty Community ที่แข็งแกร่งทำให้เกิดการมีส่วนร่วมกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์
ด้าน ณัฐกาญจน์ สำราญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้าเครื่องสำอาง บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด และบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล พูดถึง การจัดแคมเปญ Central All The Beauties ในครั้งนี้ ว่าเพื่อฉลองความงามที่หลากหลายในทุกเพศ ทุกวัย โดยถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่าน 8 ตัวแทนความงามที่หลากหลาย โดยมีกิจกรรมเช่นนิทรรศการ ‘Central All The Beauties Photo Showcase’ , กิจกรรม ‘Central Beauty Awards 2023 , Central Beauty Bonus เป็นต้น