‘เซ็นทรัลรีเทล’ ครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 123,208 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เติบโต 32% จากปีก่อนหน้า ได้แรงหนุนจากยอดขายกลุ่มแฟชั่น และยอดขายจากธุรกิจในต่างประเทศ คือ อิตาลี และเวียดนาม ซึ่งเซ็นทรัลรีเทลยังครองที่ 1 ด้านศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 เซ็นทรัล รีเทล สามารถกวาดรายได้ถึง 123,208 ล้านบาท (+9% YoY) และกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท (+37% YoY) พร้อมทั้งปิดไตรมาส 2 ด้วยรายได้รวม 60,002 ล้านบาท (+6% YoY) และกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท (+5% YoY)
ยอดขายกลุ่มแฟชั่นพุ่ง ครองเบอร์ 1 ศูนย์การค้าเวียดนาม
ปัจจุบัน เซ็นทรัลรีเทล บริหารงานใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม อิตาลี ใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
- กลุ่มฟู้ด จำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคภายใต้หลากหลายแบรนด์ร้านค้าปลีก เช่น ท็อปส์, ท็อปส์ ฟู๊ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท และ มัทสึโมโตะ คิโยชิ
- แฟชั่น ครอบคลุมตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงแบรนด์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และ ซูเปอร์สปอร์ต
- ฮาร์ดไลน์ จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) ภายใต้แบรนด์ร้านค้าปลีก เช่น ไทวัสดุ, เพาเวอร์บาย, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส และ Meb
- พร็อพเพอร์ตี้ ธุรกิจศูนย์การค้า ภายใต้แบรนด์ค้าปลีก เช่น ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ และท็อปส์ พลาซ่า
- เฮลธ์แอนด์เวลเนส จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพของคนและสัตว์เลี้ยง ภายใต้แบรนด์ เช่น ท็อปส์แคร์, ท็อปส์ วีต้า และเพ็ทแอนด์มี
โดยในไตรมาส ธุรกิจไฮไลท์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายคือ สินค้า “กลุ่มแฟชั่น” ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ในปี 2565 โดยเฉพาะด้านผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty) ที่มียอดขายเติบโตสูงสุดในกลุ่ม และโตเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เนื่องจากมีการอัพเกรดและนำเข้าสินค้าใหม่ ๆ ในทุก category เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีการขยายร้านค้าในเครือให้มีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วประเทศไทย พร้อมทั้งพัฒนาออมนิแพลตฟอร์ม และรีโนเวทห้างสรรพสินค้าสาขาต่างๆ เช่น ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว และพระราม 2 ซึ่งสามารถสร้างยอดขายโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก รวมถึงยังมีการรีโนเวทห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นสาขา Flagship Store ให้เป็น Luxury Destination แห่งใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย
ขณะเดียวกันในประเทศอิตาลี ก็ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้น ทำให้ห้างสรรพสินค้า รีนาเชนเตสามารถสร้างยอดขายเป็น “นิวไฮ” เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19
ส่วนธุรกิจในประเทศ “เวียดนาม” เซ็นทรัลรีเทล ยังคงครองเบอร์ 1 ในด้านศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต จากการขยายและปรับปรุงศูนย์การค้าต่างๆ โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ที่มี Market share ในกลุ่ม FMCG สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดถึง 2 เท่า
ขณะเดียวกันเซ็นทรัลรีเทล ก็ยังคงรุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในเวียดนามอย่างเต็มที่ ด้วยการเดินหน้าขยายโมเดล mini go! ให้มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคเวียดนามที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
เตรียมเปิดสาขาเพิ่มใน ต.ฉลอง ภูเก็ต 20 ก.ย. นี้
สำหรับครึ่งปีหลัง เซ็นทรัลรีเทล มุ่งโฟกัสที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย
โดยในวันที่ 20 กันยายนนี้ มีแผนที่จะเปิด “ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาฉลอง” ซึ่งจะเป็นแห่งที่ 2 ของจังหวัดภูเก็ตและจะทำให้มีศูนย์การค้ารวมทั้งสิ้น 33 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาฉลอง จังหวัดภูเก็ต
ในส่วนกรุงเทพมหานคร เซ็นทรัล รีเทล ก็พร้อมลุยขยายธุรกิจในโซน “กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก” อย่างเต็มที่ หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาราชพฤกษ์
โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ เซนจะฉลองการเปิดห้างสรรพสินค้า “เซ็นทรัล สาขาเวสต์วิลล์” ซึ่งถือเป็นห้างสรรพสินค้าสาขาที่ 76 ของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ตอบโจทย์ New CBD ของกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ภายในปี 2566 นี้ เซ็นทรัล รีเทล จะฉลองเปิดไทวัสดุครบ 80 สาขาทั่วประเทศไทย พร้อมเปิดศูนย์การค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ในประเทศเวียดนามครบ 39 สาขาทั่วประเทศ