การเติบโตของ TikTok ไม่เพียงแต่เขย่าแพลตฟอร์ม Social Media ด้วยกันให้ต้องรับมือสู้เท่านั้น ในธุรกิจ E-commerce ก็อยู่ในภาวะต้องดิ้นสู้ด้วยเช่นกัน เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันเป็นเส้นบางๆระหว่าง Social Media และ E-commerce หรือจะเรียกว่าเป็น Social Commerce -การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์ม Social Media นั่นเอง
ยิ่งการมาของ TikTok Shop ทำให้บรรดา E-commerce เจ้าตลาดอย่าง Shopee , Lazada หรือแม้แต่ Tokopedia นั่งไม่ติดเหมือนกัน เพราะฐานผู้ใช้งานของ TikTok ที่มีการประเมินกันว่า มากกว่า 1,000 ล้านคนในกว่า 160 ประเทศทั่วโลกตอนนี้ เป็นพลังมหาศาลในการต่อยอดสู่ TikTok Shop
Sea กรุ๊ป บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงค์โปร์ บริษัทแม่ของ Shopee ที่ครองตลาด E-commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน ถึงกับต้องประกาศลงทุนในธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ เพื่อสู้ศึกกับ TikTok
โดย ฟอร์เรส ลี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Sea กรุ๊ป ออกมายอมรับว่า ภาพของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงความเปลี่ยนแปลง ที่ผู้ใช้งานจำนวนมี Engagement ที่หลากหลายขึ้นทั้งจากการสตรีมสด หรือ วิดีโอสั้น แม้ว่า ลี จะไม่ได้ระบุตัวเลขหรือจำนวนเกี่ยวกับการลงทุน แต่ก็ส่งสัญญาณว่า การลงทุนเพื่อสู้กับ TikTok เกิดขึ้นแน่นอนเพื่อการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ลี เตือนว่า การลงทุนดังกล่าวอาจจะมี “ผลกระทบ” ต่อผลกำไร และ “อาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนสำหรับ Shopee และกลุ่มบ้างในบางช่วงเวลา แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ไม่ได้เปลี่ยนนโยบายและเป้าหมายสำคัญ คือยังมุ่งเน้นการพึ่งตนเองและปรับปรุงการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ได้ต่อไป
ทั้งนี้ Shopee มีฟังชั่นไลฟ์สตรีมตั้งแต่ปี 2019 ก่อนหน้า TukTok ด้วยซ้ำ คาดการณ์ว่าจากนี้คงต้องงัดกลยุทธ์นี้ให้แข็งแกร่งอีกครั้ง และขยายไปในหมวดสินค้า แฟชั่น สุขภาพ ความงาม ซึ่งมันกำลังตกไปอยู่ในมือของ TikTok แล้ว
ลี ระบุว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา แคมเปญ livestreaming ในอินโดนีเซียทำให้การซื้อขายสินค้าเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายวันถึง 12 เท่า ในขณะที่มีจำนวนผู้ซื้อเพิ่มขึ้นสิบเท่าตัว ด้าน Yanjun Wang CCO ของบริษัท มองว่า Sea มีความได้เปรียบในเรื่องระบบการชำระเงินแลบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 ส.ค.66) Sea กรุ๊ป ได้ประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้(เดือน เมษายน - มิถุนายน ) พบว่า รายได้สุทธิ 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการพลิกกลับมาทำกำไรได้ 3 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว จากที่เคยขาดทุน 931 ล้านดอลลาร์สหรัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
แม้จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นแล้ว แต่การเติบโตของบริษัทแนวหน้าอย่าง Sea ก็เริ่มซบเซาลง รายได้ของกลุ่มโตเพียง 5.2% แตกต่างจากเมื่อตอนระบาดของโควิด 19 ที่เคยเติบโตเป็น 100% แม้ว่า จะอัดแคมเปญการตลาดหนักแค่ไหน แต่ตัวเลขก็ยังลดลง 493 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 49.3% จากปีที่แล้ว
สำหรับผลประกอบการเฉพาะของ Shopee มี EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย) อยู่ที่ 150 ล้านดอลลาร์ ดีขึ้นหากเทียบกับผลขาดทุน 648 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่รายรับเพิ่มขึ้นเพียง 32.3% เป็น 2.32 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นช้าที่สุดเป็นประวัติการณ์
ที่มา Nikkei Asia