Grab เผยสถิตินักช้อป หลังสี่ทุ่มถุงยางขายดีสุด ครึ่งปีหลังเน้นชูโปรโมตสินค้าตามช่วงเวลา

 

โดยสินค้ากลุ่มอาหาร-ของสด และของใช้ภายในบ้านขายดีในช่วงกลางวัน ขณะที่สินค้าจำเป็นอย่างถุงยางอนามัย ผ้าอนามัยและน้ำดื่ม กลายเป็นฮอตไอเทมในช่วงกลางคืน

 

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภคหลังสถานการณ์โควิด และคาดการณ์ว่าในปี 2566 ตลาดค้าปลีกจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ราว 3.7 ล้านล้านบาท และมีอัตราการเติบโตประมาณ 10%

 

 

และตลาดที่เติบโตอย่างโดดเด่นก็คือ ตลาดอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 10.5% และจะมีมูลค่าสูงถึง 8.2 แสนล้านบาท และตลาดควิกคอมเมิร์ซ (Quick Commerce) ที่ยังคงได้รับความนิยม โดยได้รับอานิสงส์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มแบบออนดีมานด์กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่

 

โดยจากการศึกษาของแกร็บ ผู้ที่ใช้บริการควิกคอมเมิร์ซมากที่สุดก็คือ แม่บ้านหรือผู้หญิงที่มีครอบครัว (professional housewife) ที่ใช้บริการแกร็บมาร์ทในการซื้อของสดหรือของใช้ในครัวเรือนเป็นประจำ และกลุ่มคนโสดเจนวาย (single, busy spender) ที่มักอาศัยอยู่คนเดียวและไม่มีเวลาในการไปซื้อสินค้าด้วยตัวเอง จึงนิยมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

 

 

นางสาวจันต์สุดา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาแกร็บมาร์ทส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ Moment Marketing ซึ่งเป็นการทำการตลาดและสร้างดีมานด์ในช่วงเทศกาล วันสำคัญหรือโมเมนต์พิเศษต่างๆ โดยใช้ส่วนลดและโปรโมชันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อแบบทันที (impulse buying) ซึ่งก็สร้างผลตอบรับที่ดี

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง กลยุทธ์ที่แกร็บมาร์ทจะนำมาใช้แทนก็คือกลยุทธ์ Habitual Marketing ซึ่งจะเป็นการโปรโมตสินค้าที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่การทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายหลักเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำหรือมีการจับจ่ายอย่างเป็นนิสัย ในแต่ละช่วงเวลาของวัน

 

โดนสาเหตุในการเปลี่ยนกลยุทธ์ส่งเสริมการขายในครั้งนี้ มาจากการที่แกร็บศึกษาพฤติกรรมการจับจ่ายและอินไซต์ของผู้ใช้บริการแกร็บมาร์ทตลอดทั้งวันแล้วพบว่า ผู้ใช้บริการมีการซื้อสินค้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้

 

 

1. Fresh Start Morning (ระหว่างเวลา 05:00 น. ถึง 09:00 น.) ซึ่งมีสินค้าขายดีในช่วงเช้าตรู่ คือ ไข่ไก่ นมสดและนม UHT รวมถึงกาแฟกระป๋อง นอกจากนี้ ดอกไม้สดและพวงมาลัย ก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ขายดี โดยมียอดสั่งสูงกว่าช่วงปกติถึง 20% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงหรือแม่บ้านที่มักซื้อไปไหว้พระหรือไปมอบให้คนอื่นก่อนเริ่มงาน

 

โดยจากการศึกษา แต่ละวันมียอดเฉลี่ยในการซื้อไข่ไก่บนแกร็บมาร์ทสูงถึง 36,000 ฟอง และนมสดสูงถึง 18,000 ลิตร

 

2. Daytime Cooking (ระหว่างเวลา 09:00 น. ถึง 16:00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่มียอดการสั่งซื้อสินค้าประเภทของสดหรือผลิตภัณฑ์สำหรับการปรุงอาหารมากกว่าช่วงอื่นๆ สูงถึง 25% โดย 5 ประเภทสินค้าขายดี ประกอบด้วย ผักสด ผลไม้ เนื้อหมู เนื้อไก่ และเครื่องปรุงรส และ 3 เมนูอาหารที่กลุ่มแม่บ้านนิยมปรุงมากที่สุด คือ สเต็ก สุกี้ และข้าวผัด

 

อีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่ขายดีในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะระหว่างเวลา 11:00 น. ถึง 16:00 น. คือ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น กระดาษทิชชู น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมถึงของใช้จิปาถะภายในบ้าน ซึ่งมียอดสั่งซื้อสูงกว่าช่วงอื่นๆ ถึง 15%

 

โดยจากการศึกษา แต่ละวันมียอดเฉลี่ยในการซื้อสินค้าประเภทเนื้อสัตว์เพื่อใช้ทำอาหาร (หมู ไก่ เนื้อ ซีฟู้ด) บนแกร็บมาร์ทสูงถึง 4 ตัน และผัก-ผลไม้มากกว่า 4,100 กิโลกรัม

 

3. Evening Celebration (ระหว่างเวลา 16:00 น. ถึง 22:00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่คนมักสั่งซื้อสินค้าไปใช้ในการปาร์ตี้หรือเฉลิมฉลอง โดยสินค้าที่ขายดีในช่วงเวลานี้ คือ น้ำแข็ง โซดา น้ำอัดลม รวมถึงขนมขบเคี้ยว โดยเฉพาะยอดขายขนมขบเคี้ยวในช่วงระหว่างเวลา 16:00 น. ถึง 18:00 น. สูงกว่าช่วงเวลาอื่นถึง 30%

 

นอกจากนี้ สินค้าที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง อาทิ อาหารสุนัข และอาหารแมว ขายดีมากในช่วงระหว่างเวลา 18:00 น. - 20:00 น. โดยมากกว่าช่วงเวลาอื่นถึง 42%

 

โดยจากการศึกษา แต่ละวันมียอดเฉลี่ยในการซื้อสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวบนแกร็บมาร์ทสูงถึง 12,800 ซอง และน้ำอัดลมมากกว่า 17,000 ขวด/กระป๋อง

 

4. Overnight In Need (ระหว่างเวลา 22:00 น. ถึง 05:00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่มีดีมานด์ในกลุ่มสินค้าที่จำเป็นหรือไอเทมที่ขาดไม่ได้ โดย 5 อันดับสินค้าขายดี คือ ถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ผ้าอนามัย น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำดื่ม

 

โดยจากการศึกษา แต่ละวันมียอดเฉลี่ยในการซื้อถุงยางอนามัยบนแกร็บมาร์ทสูงถึง 1,500 ซอง และผ้าอนามัยมากกว่า 1,120 ชิ้น

 

เมื่อได้ข้อมูลดังนี้ แกร็บจึงสนใจปรับเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น โดยการเน้นโปรโมตสินค้าแต่ละชนิดตามช่วงเวลา เพื่อส่งเสริมการขายของสินค้าในช่วงเวลาที่สินค้าเหล่านั้นเป็นที่นิยมอยู่แล้ว

 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้แกร็บมาร์ทได้รับความนิยมและกลายเป็นผู้นำในตลาดควิกคอมเมิร์ซคือสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในช่วงเวลากลางคืนที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าส่วนใหญ่ปิดให้บริการ ทั้งยังสามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 25 นาทีซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่มีความจำเป็นหรือต้องการใช้สินค้าเร่งด่วน ซึ่งถ้าหากมีการโปรโมตสินค้าฮิตในแต่ละช่วงเวลาเข้ามาช่วยเสริมแล้ว ทางแกร็บก็เชื่อว่ายอดขายของสินค้าเหล่านั้นก็น่าเพิ่มขึ้นไปจากปัจจุบันได้อีก