นาทีนี้กระแสของเจ้าลาบูบู้ (Labubu) กำลังมาแรง หลังจาก ลิซ่า BLACKPINK ได้โพสต์ภาพผ่านไอจีสตอรี่ที่กำลังถือกล่องอาร์ตทอยยกกล่อง "The Monster Exciting Macaron" (ลาบูบู้ มาการอง) ก็ทำเอาแฟนๆต่างฮือฮาแตกตื่น อยากไปซื้อตามกันเป็นจำนวนมาก แต่อย่างที่เรารู้กันว่าหากลิซ่า ได้ถือ ได้ใช้ หรือได้โพสสิ่งของ-สินค้าตัวไหน นอกจากของจะหายากขาดตลาดแล้ว ราคาก็ต้องดีดพุ่งขึ้นสูงอย่างแน่นอน
โดยราคาตอนนี้ราคาขายต่อกันตลาดได้พุ่งทยาน To The Moon เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนชาวเน็ตหลายคนต่างมาแซวกันว่าราคาพุ่งขึ้นแรงยิ่งกว่าราคาทอง หรือราคาบิตคอยน์ เสียอีกที่ แม้ว่าตอนแรกหากคุณได้สิทธิซื้อแบบ official ผ่านทาง POP MART ราคาค่าตัวน้องลาบูบู้จะอยู่ที่ 550 บาท ต่อ 1 กล่องสุ่ม และ 3,300 บาท ต่อซื้อยกกล่อง (6 ตัว)
แต่ปัจจุบันราคารีเซล 1 ตัวเริ่มตั้งเเต่ 1,500 ไปจนถึง 3,500 บาท ใครซื้อได้ต่ำกว่า1,900 ถือว่า ได้ราคาถูก ส่วนถ้าราคายกกล่อง 6 ตัว ราคาเริ่มที่ 16,000 บาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และหากเราย้อนดูกระแสตุ๊กตาที่ผ่านมาในอดีต เราจะพบว่า น้องลาบูบู้ไม่ใช่ตุ๊กตาตัวแรกที่ได้รับความนิยม และสามารถอัพราคาค่าตัวขึ้นได้เป็นตัวแรก แต่ยังเคยมีตุ๊กตาในตำนานอย่าง “ตุ๊กตาบลายธ์” และ”เฟอร์บี้” มาก่อน
บทความนี้ SPOTLIGHT พาทุกคนมารู้จักกับ 3 ตุ๊กตาชื่อดังที่บางตัวเคยดังระดับตํานาน อย่างตุ๊กตาบลายธ์ เฟอร์บี้ เเละล่าสุด ลาบูบู้
ปีเกิด 1972
สัญชาติ สหรัฐอเมริกา – ญี่ปุ่น
ราคาเฉลี่ย 1,000 -17,000 บาท
ส่องความน่ารักของน้อง : ตุ๊กตาสาวน้อยตาโต ที่มีเชือกดึงเปลี่ยนสีตาได้ถึง 4 สี มองซ้าย-ขวาได้ และสามารถเปลี่ยนชุดได้หลายลุคตามใจชอบ
ค.ศ. 1972
– โรงงานผลิตของเล่น Kenner ในสหรัฐฯ ได้ว่าจ้างนักออกแบบของเล่นคือ Allison Katzman จาก Marvin Glass & Associates ให้ออกแบบของเล่นเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตาโต ซึ่งแต่งตัวทำผมได้ และมีเอกลักษณ์ความแตกต่างออกมาเป็น 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye
ค.ศ. 1973
– ล้มเหลวทางยอดขาย กลายเป็นสินค้าลดราคาล้างสต๊อกเหลือแค่ตัวละ 3.5 เหรียญสหรัฐ ต่อมาก็ถูกเหมาถูกๆไปเป็นของแถมพ่วงตุ๊กตาตัวอื่น และในที่สุดก็ต้องหยุดขายและปิดโรงงานลงในระยะเวลาแค่ 1 ปีหลังเปิดตัวเท่านั้น
ค.ศ. 2001
– หญิงสาวสาวชาวอเมริกันโปรดิวเซอร์รายการทีวีที่ชื่อ Gina Garan ได้ตุ๊กตาบลายธ์เป็นของขวัญจากเพื่อน แล้วถ่ายรูปเก็บไว้กว่า 100 รูปตีพิมพ์เป็นหนังสือ “This is Blythe” ขายได้กว่าหมื่นเล่ม แล้วจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายที่ส่งให้ Gina’s Gallery โด่งดัง
– บริษัทของเล่นในญี่ปุ่นที่ชื่อ Takara CWC ที่เห็นโอกาสทางธุรกิจ ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์บลายธ์ไปผลิตที่ญี่ปุ่นในชื่อ Neo-Blythe ภายใต้แบรนด์ Takara ขายบน Yahoo หมดเกลี้ยงสต๊อกถึง 4 ครั้งติดต่อกัน
ค.ศ. 2002
– Gina กับโปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อ Junko Wong ได้ร่วมกันจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ Blythe ขึ้นหลายครั้ง เป็นที่สนใจของวงการแฟชั่น แต่ละงานมีดีไซเนอร์ฝีมือดีของห้องเสื้อแบรนด์เนมดังจากทั่วโลกไม่ว่า Prada, Gucci, Vivienne Westwood, Issey Miyake, Versace และอีกมากมายมาร่วมกันออกแบบเสื้อผ้าให้ Blythe เป็นนางแบบ
– “Petite Blythe” ตัวเล็กเพียง 4 นิ้วครึ่ง ออกวางตลาด และตามมาด้วย “Blythe Belle” ทำจากพีวีซีตัวแค่ 3 นิ้วเท่านั้น
ค.ศ. 2003
– เปิดตัว “Excellent Blythe” ที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับฉบับดั้งเดิมของ Kenner มากขึ้น แต่งลูกตาให้แวววาว ปรับพื้นผิวหน้าให้อ่อนนุ่ม เปลี่ยนสีผิวให้มันวาวขึ้น แต่งเปลือกตาให้ชัดขึ้น
ค.ศ. 2004 – ปัจจุบัน
บลายธ์รุ่นใหม่ๆ ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ส่วนดั้งเดิมของ Kenner ที่ล้มเหลวไปเมื่อ 30 ปีก่อน กลายเป็นของหายาก แพงขึ้นหลายเท่า
ปีเกิด 1998
สัญชาติ สหรัฐอเมริกา
ราคาเฉลี่ย 3,000 บาท
ส่องความน่ารักของน้อง : ตุ๊กตาหุ่นยนต์ หน้าตาคล้ายนกฮูกผสมหนูแฮมสเตอร์
มีขนปุกปุย ช่างพูดช่างคุย ร้องเพลงได้ เต้นได้
ตุ๊กตา "เฟอร์บี้" ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1998 หรือเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ผลผลิตของบริษัท Hasbro ในช่วงนั้นเฟอร์บี้ได้สร้างความฮือฮาให้แก่วงการตุ๊กตาอย่างมาก เนื่องจากเป็นตุ๊กตาหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงสามารถขยับตา ขยับปากพูดได้แล้ว ยังสามารถเต้นได้อีกด้วย ทำให้ตอนเฟอร์บี้สร้างประวัติการณ์ยอดจำหน่ายได้ถึง 40 ล้านตัวทั่วโลกในปี 2000
แต่ปัญหาของเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ในยุคแรกๆ นั้นก็คือภาษาที่ใช้พูดคุยสื่อสารระหว่างตุ๊กตากับเจ้าของนั้นไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันเท่าไร เพราะเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้มีภาษาของตัวเอง คือ ภาษาเฟอร์บิช (furbish) จนผู้เล่นบางส่วนรู้สึกว่าภาษาเฉพาะของเจ้าเฟอร์บี้เป็นอุปสรรคในการสื่อสาร เพราะเวลาสั่งอะไร จะต้องศึกษาก่อนว่าต้องออกเสียงอย่างไร เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความนิยมในตัวตุ๊กตาเฟอร์บี้จึงค่อยๆ ลดลงไป
หลังจากนั้นเมื่อปี 2007 หรือในอีก7 ปีต่อไปเฟอร์บี้ได้มารุกตลาดในประเทศไทย ด้วยเฟอร์บี้ version 2ราคาวางจัดจำหน่ายเพียงแค่ตัวละ 2 พันบาทแต่ยังไม่ค่อยได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยได้ดีเท่าที่ควร
แต่บริษัท Hasbro ผู้ผลิตเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็ไม่ได้ย่อท้อ ได้มีแผนการพัฒนาปรับปรุงเจ้าเฟอร์บี้ขึ้นมาใหม่ให้ทันสมัยและสามารถสื่อสารกับผู้เล่นได้มากขึ้น ด้วยการกลับมาของเฟอร์บี้ versionใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีด้วยคอนเซปต์ "I'm back"ที่มีเทคโนโลยี Emoto-Tronics ช่วยให้เฟอร์บี้สนองตอบการกระทำ มีลูกเล่น การโต้ตอบกับเสียงของมนุษย์ที่มากขึ้น มีการแสดงอารมณ์บนใบหน้าที่ดูสมจริงขึ้น มีระบบเซนเซอร์ 3 จุดที่ช่วยให้อวัยวะอย่างตา, หู, ริมฝีปากสามารถขยับช่วยแสดงอาการเศร้า, ยิ้ม, หัวเราะ, ง่วงนอน อารมณ์เบื่อหรือหวาดกลัวได้
อัพเดทความน่ารักของเฟอร์บี้เวอร์ชั่นใหม่
ปีเกิด 2015
สัญชาติ ฮ่องกง
ราคาเฉลี่ย
ความน่ารักของน้อง : ตัวละครการ์ตูนเจ้าปีศาจน้อย ฟันแหลมน่ารัก มีรูปร่างกลม ปุ๊กปิ๊ก ใบหน้าไร้เดียงสา มีใบหูใหญ่คล้ายคลึงกับเอลฟ์
ลาบูบู้ ถูกออกแบบโดยศิลปินชาวฮ่องกง ที่ชื่อ คาซิง ลุง ที่ได้สร้างลาบูบู้มาตั้งแต่ปี 2015 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทพนิยายในยุโรป ผสมกับความทรงจำในวัยเด็กที่เขาเติบโตในเนเธอร์แลนด์ เลยออกแบบสัตว์ประหลาดน้อยใหญ่มา ช่วงแรกเป็นงานเขียนจนกระทั่งพัฒนารูปแบบออกมาเป็นของเล่นตุ๊กตาอย่างทุกวันนี้ แต่ที่รุ่นที่สร้างความสั่นสะเทือนวงการอาร์ตทอย นั้นก็คือรุ่นมาการอง ที่มีจุดแด่นคือ หน้าลาบูบู้อ้วนขึ้น มีขนปุกปุย มีทั้งหมด 7 สี คือ สีครีม Soymilk ,สีชมพู Lychee Berry, สีเขียว Green Grape, สีฟ้า Sea Salt Coconut, สีน้ำตาล Toffee, สีเทา Sesame Bean และตัวหายาก หรือ ตัวพิเศษ คือ น้ำตาลเข้ม Chestnut Cocoa ซึ่งปัจจุบันหายากมาก จะซื้อกับ POP MART ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า รอกันไปหลายเดือนเลยทีเดียว
สำหรับยอดขายของ ลาบาบู้ ใน THE MONSTERS SERIES ทั้งหลายทำยอดขายให้กับร้าน Pop Mart ถล่มทลาย โดยเฉพาะ ปีที่แล้วขายได้ 367 ล้านหยวน