ธุรกิจการตลาด

สินเชื่อ SME Green Productivity ดอกเบี้ย 3% ประตูสู่ธุรกิจสีเขียว

7 ส.ค. 67
สินเชื่อ SME Green Productivity ดอกเบี้ย 3% ประตูสู่ธุรกิจสีเขียว

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก ธุรกิจสีเขียว (Green Industry) ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นทางรอดของผู้ประกอบการทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ จึงได้เปิดตัวโครงการสินเชื่อ SME Green Productivity เพื่อสนับสนุนการปรับตัวของเอสเอ็มอีสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

สินเชื่อ SME Green Productivity ดอกเบี้ย 3% ประตูสู่ธุรกิจสีเขียว

สินเชื่อ SME Green Productivity ดอกเบี้ย 3% ประตูสู่ธุรกิจสีเขียว

รมว.อุตสาหกรรม นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ประกาศเดินหน้าโครงการสินเชื่อ SME Green Productivity วงเงิน 15,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย กว่า 1,500 ราย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำพิเศษ 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก เพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ "อุตสาหกรรมสีเขียว" ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมรับมือกับมาตรฐานการค้าโลกยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม คาดว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 68,700 ล้านบาท

โครงการสินเชื่อ SME Green Productivity ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน สอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality ของประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน

สินเชื่อ SME Green Productivity ตือการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่อุตสาหกรรมสีเขียว

สินเชื่อ SME Green Productivity ดอกเบี้ย 3% ประตูสู่ธุรกิจสีเขียว

การเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียวถือเป็นความท้าทายที่สำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยทั้งองค์ความรู้และเงินทุนในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ แม้จะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศไทยกว่า 3.2 ล้านราย แต่กว่าครึ่งกลับประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รัฐบาลจึงได้จัดตั้งโครงการ "สินเชื่อ SME Green Productivity" ด้วยวงเงิน 15,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มนี้ โดยมอบหมายให้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน

สินเชื่อดังกล่าวมีจุดเด่นที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือนแรก นอกจากนี้ ยังมีการผ่อนปรนเงื่อนไขและหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และมีระยะเวลาในการปรับตัวสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างเหมาะสม

โครงการ "สินเชื่อ SME Green Productivity" ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งทุนและเพิ่มผลิตภาพได้มากกว่า 1,500 ราย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานกว่า 24,000 อัตรา และสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 68,700 ล้านบาท นอกจากนี้ โครงการนี้ยังมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคอุตสาหกรรม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจเอสเอ็มอีได้ประมาณ 345,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

SME D Bank ผนึกกำลัง 11 พันธมิตร ขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอีสู่ Green Industry ด้วยสินเชื่อ SME Green Productivity

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า ทางธนาคารพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจเอสเอ็มอีสู่ Green Industry ผ่านโครงการสินเชื่อ "SME Green Productivity" โดยร่วมมือกับ 11 หน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม, การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, สถาบันยานยนต์, สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงองค์ความรู้และแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปพัฒนาระบบ อุปกรณ์ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตภาพและศักยภาพของธุรกิจ พร้อมก้าวสู่ Green Industry ได้อย่างมั่นคง

SME D Bank เชื่อมั่นว่า การส่งเสริมธุรกิจสีเขียวในภาคเอสเอ็มอี จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT