ธุรกิจการตลาด

GM จ่อเลย์ออฟพนักงาน ลดการผลิตในจีน เหตุแข่งขันสูง ครึ่งปีขาดทุนกว่า 7 พันล้านบาท

13 ส.ค. 67
GM จ่อเลย์ออฟพนักงาน ลดการผลิตในจีน เหตุแข่งขันสูง ครึ่งปีขาดทุนกว่า 7 พันล้านบาท

General Motors หรือ GM เดินหน้าลดจำนวนพนักงาน พร้อมลดปริมาณการผลิตในจีน เพื่อปรับโครงสร้างบริษัท และปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจ หลังยอดขายลดจากการแข่งขันที่สูง ส่งผลให้ขาดทุนรวมถึงกว่า 7 พันล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2567

วันที่ 13 สิงหาคม 2567 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานข่าว โดยอ้างแหล่งข่าวภายในว่า GM ผู้ผลิตรถจากสหรัฐฯ และพาร์ทเนอร์ธุรกิจของ SAIC ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน กำลังวางแผนที่จะลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่ รวมถึงพนักงานด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจในจีน และลดต้นทุน

ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ในจีนถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง เพราะมีผู้เล่นมาก และแต่บริษัทต่างมีกำลังการผลิตที่สูง ทำให้ในสภาวะที่เศรษฐกิจจีนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวในปัจจุบัน ผู้ผลิตในจีนต่างต้องเจอปัญหาสินค้าค้างคลัง จากยอดขายที่ลดลง ซึ่งส่งผลต่อรายได้และกำไร

ในสภาวะดังกล่าว GM ก็เป็นหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในด้านยอดขาย รายได้ และกำไร โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ GM จำหน่ายรถได้เพียง 3.7 แสนคัน ลดลงประมาณ 1.5 แสนคัน จากปี 2566 ที่จำหน่ายได้ 5.26 แสนคัน และลดลงเกือบ 5 แสนคัน จากในปี 2561 ที่จำหน่ายได้ถึง 8.58 แสนคัน

ยอดขายที่ลดลงต่อเนื่องทำให้ในไตรมาสที่ 2 GM ขาดทุนจากการทำธุรกิจในจีนถึง 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 พันล้านบาท ทำให้ในครึ่งปีแรกของปี 2567 GM ขาดทุนจากธุรกิจในจีนรวม 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.4 พันล้านบาท

ดังนั้น เพื่อลดต้นทุนและการขาดทุน GM จึงได้พยายามลดจำนวนพนักงานและลดจำนวนการผลิตตั้งแต่ช่วงต้นปี และล่าสุด กำลังวางแผนที่จะลดจำนวนพนักงานเพิ่มเติม และปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อรักษาศักยภาพในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ประเทศจีนไว้

เปลี่ยนไปโฟกัส EV และรถพรีเมียม หนีตลาดแมสที่เริ่มอิ่มตัว

การเลย์ออฟพนักงานครั้งใหญ่ของ GM ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นผลมาจากการที่ GM ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจ จากการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาถูก ไปเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ระดับพรีเมียม และการนำเข้ารถหรูจากต่างประเทศ

GM ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติแรกๆ ที่เข้าไปทำธุรกิจกับบริษัทผลิตรถยนต์ในจีน โดยได้เข้าไปร่วมทุนทำธุรกิจกับ SAIC ตั้งแต่เกือบ 30 ปี ก่อน และประสบความสำเร็จในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ต่างประเทศ เช่น Buick, Cadillac และ Chevrolet ในจีน โดยมียอดขายสูงสุดถึง 4 ล้านคันในปี 2560 

นอกจากนี้ GM ยังได้ร่วมทุนกับ SAIC และ Wuling Automobile Co. Ltd. ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Guangxi Automobile Group เครือบริษัทผลิตรถยนต์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เพื่อผลิตรถยนต์แบรนด์จีนราคาถูกสำหรับป้อนผู้บริโภคในประเทศ เช่น Hongguang Mini EV

ทั้งนี้ รถยนต์แบรนด์นอก และรถยนต์ราคาถูกเหล่านี้ เริ่มแข่งขันกับแบรนด์ภายในประเทศได้ลดลง โดยเฉพาะในด้านราคาที่ผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศอื่นๆ มีศักยภาพในการแข่งขันที่มากกว่า ทำให้ยอดขายในจีนในปี 2566 ของ GM ตกลงมาเหลือเพียง 2.1 ล้านคัน ซึ่งลดลงอย่างมากจากยอดขาย 4 ล้านคันใน 6 ปีก่อนหน้า

ดังนั้น เพื่อรักษาธุรกิจในจีน GM จงต้องมองหาตลาดใหม่ๆ และปรับการทำธุรกิจให้เจาะกลุ่มลูกค้าให้ตรงจุดมากขึ้น เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มรายได้และกำไร

โดยในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ แหล่งข่าวให้ข้อมูลกับบลูมเบิร์กว่า GM จะยังคงผลิตรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกร่วมกับ SAIC ต่อไป แต่จะเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึง รถยนต์ระดับพรีเมียมที่มีกลุ่มผู้บริโภคแตกต่างจากตลาดรถยนต์ราคาระดับกลางจนถึงต่ำที่มีผู้เล่นหนาแน่นจนเริ่มอิ่มตัวแล้วในจีน



 

ที่มา: Bloomberg

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT