การจากลาของ ต่วย ตูน กำลังสะท้อนถึงจุดจบของยุคสมัยหนึ่งในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย การปิดตัวลงของนิตยสาร "ต่วย'ตูน" หลังจากอยู่คู่คนไทยมากว่า 5 ทศวรรษ ไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับวงการวรรณกรรมและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นกรณีศึกษาที่ทรงคุณค่าสำหรับธุรกิจไทยทุกแขนง
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาคุณไปสำรวจเบื้องลึกของการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ พร้อมถอดบทเรียนเชิงกลยุทธ์ที่ธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล
ปิดตำนาน ต่วย ตูน 54 ปี บทเรียนธุรกิจจากการจากลาของนิตยสารในตำนาน
"กราบเรียนแฟนานุแฟนต่วย'ตูน" ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยความเคารพนี้ ได้กลายเป็นสัญญาณบอกลาของนิตยสาร ต่วย'ตูน พ็อกเก็ตแมกาซีน และ ต่วย'ตูน พิเศษ ที่ได้สร้างความผูกพันกับนักอ่านชาวไทยมากว่า 5 ทศวรรษ
ประกาศยุติการผลิตนิตยสารทั้งสองฉบับจากเฟซบุ๊กเพจ "ต่วย'ตูน พิเศษ" ได้สร้างความสะเทือนใจแก่วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทยอย่างมาก โดยฉบับเดือนกันยายน 2567 จะเป็นฉบับสุดท้าย ปิดตำนานนิตยสารอายุ 50 ปีสำหรับ ต่วย'ตูน พิเศษ และ 54 ปีสำหรับ ต่วย'ตูน พ็อกเก็ตแมกาซีน ซึ่งถือเป็นการปิดฉากยุคสมัยหนึ่งของวงการวรรณกรรมและวัฒนธรรมไทย
อะไรทำให้ ต่วย ตูน ต้องลาจาก
"ภาวะทางเศรษฐกิจ" ถูกยกเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์กำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคากระดาษ ค่าพิมพ์ ค่าขนส่ง รวมไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หันไปเสพสื่อดิจิทัลมากขึ้น ทำให้ยอดขายนิตยสารลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การแข่งขันจากสื่อดิจิทัลที่รวดเร็วและเข้าถึงง่ายกว่า ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์แบบดั้งเดิมต้องเผชิญกับความยากลำบาก
แม้ทางสำนักพิมพ์จะพยายามอย่างเต็มที่ในการประคับประคองให้นิตยสารอยู่คู่คนไทยต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปแบบ ปรับเนื้อหา หรือหาช่องทางการขายใหม่ๆ แต่เมื่อสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย การตัดสินใจยุติการผลิตจึงเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของนิตยสารที่ผู้อ่านรักและคุ้นเคย
บทเรียนเชิงกลยุทธ์ที่ธุรกิจไทยต้องเรียนรู้จากกรณีนี้มีมากมาย
- ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้: โลกธุรกิจมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค หรือสภาพเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจค้าปลีกที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็ว ต้องปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
- ความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า: ตลอดระยะเวลา 50 กว่าปี ต่วย'ตูน ได้สร้างความผูกพันและมีปฏิสัมพันธ์อันดีกับนักอ่าน นักเขียน และบุคลากรในวงการหนังสือ นี่คือสินทรัพย์ที่ทรงคุณค่าที่ธุรกิจทุกประเภทควรสร้างและรักษาไว้ เช่นเดียวกับร้านอาหารเล็กๆ ที่ใส่ใจในรายละเอียดและบริการลูกค้าด้วยความจริงใจ จนลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำและบอกต่อ
- การสื่อสารที่โปร่งใสและจริงใจ: การประกาศยุติการผลิตนิตยสารอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณและขออภัยต่อผู้อ่าน แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความเคารพต่อลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรยึดถือ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งข่าวร้ายหรือข่าวดี การสื่อสารที่ชัดเจนและจริงใจจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้า
- การจัดการหลังการขาย: การติดต่อสมาชิกเพื่อดำเนินการคืนค่าสมาชิกที่ยังเหลืออยู่ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความรับผิดชอบต่อลูกค้า แม้ในช่วงเวลาที่ธุรกิจกำลังยุติลง ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ในทางที่ดี
การยุติบทบาทของ "ต่วย'ตูน" เป็นเครื่องเตือนใจให้องค์กรธุรกิจทุกแห่งตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัว การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า และการสื่อสารที่โปร่งใส แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด
แม้ "ต่วย'ตูน" จะไม่ได้วางแผงอีกต่อไป แต่มิตรภาพและความทรงจำอันดีที่นิตยสารฉบับนี้ได้มอบให้กับคนไทยจะคงอยู่ตลอดไป เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าธุรกิจที่สร้างคุณค่าและความผูกพันกับลูกค้า จะอยู่ในใจผู้คนตลอดไป แม้จะไม่ได้ดำเนินกิจการต่อไปแล้วก็ตาม